เอเอฟพี - ยอดเหยื่อจากเหตุระเบิดปริศนาภายในสำนักงานใหญ่บริษัทน้ำมันเพเม็กซ์ (Pemex) กลางกรุงเม็กซิโกซิตี เพิ่มขึ้นเป็น 32 ศพแล้วในวันศุกร์ (1 ก.พ.) ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังเพียรพยายามขุดเจาะฝ่าซากหักพังเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต
หน่วยดับเพลิง ตำรวจและทหารหลายร้อยคน ทำงานกันตลอดทั้งคืนในความพยายามค้นหาผู้รอดชีวิต หลังจากเหตุระเบิดผ่าตึก 54 ชั้นที่เชื่อมกับอาคารใหญ่ ทำให้มีผู้ผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 121 คน ขณะที่ซากคอนกรีต คอมพิวเตอร์และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานกระจัดกระจายตามพื้นดิน
เอมิลิโอ โลโซยา ออสติน ผู้อำนวยการทั่วไปของพเม็กซ์เผยว่า มีผู้เสียชีวิต 32 ราย ในนั้นเป็นผู้หญิง 20 คนและชาย 12 คน ขณะที่ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น เหลืออีก 52 รายที่ยังต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตยังดำเนินต่อไป
โลโซยา ออสตินกล่าวต่อว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญเม็กซิโกและจากต่างชาติกำลังดำเนินการสืบสวนหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และไม่ขอคาดเดาถึงข้อสันนิษฐานต่างๆ
เพเม็กซ์ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 4 ของโลกด้วยกำลังผลิตราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สั่งปิดสำนักงานใหญ่ไปจนกว่าจะมีการแจ้งอีกครั้ง กระนั้นก็ดีบริษัทแห่งนี้ระบุว่าเหตุระเบิดไม่ได้ส่งผลประทบต่อกระบวนการผลิตน้ำมันแต่อย่างใด
ผู้รอดชีวิตเล่าว่า แรงระเบิดเขย่าอาคารสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว พื้นตึกสั่นไหวและกระจกแตกกระจัดกระจาย ส่วนออสตินเผยว่าจุดที่เกิดการระเบิดอยู่บริเวณชั้น 4 ซึ่งมีพนักงานทำงานอยู่บนชั้นดังกล่าวราว 200 ถึง 250 คน
ด้านไอแซก ออเซนฮอต์ เจ้าหน้าที่ประสานงานกาชาดเม็กซิโก เผยว่า หน่วยกู้ภัยจะค้นหาขุดรื้อไปตามซากคอนกรีตแบบแผ่นต่อแผ่น จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีผู้รอดชีวิตติดอยู่ใต้นั้น “พื้นที่นี้มีความเสี่ยงสูง การทำงานจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก" เขากล่าว พร้อมเผยว่าปฏิบัติการค้นหาน่าจะสิ้นสุดในช่วงค่ำวันนี้ (1 ก.พ.)
มีรถฉุกเฉินอย่างน้อย 6 คัน จอดเตรียมพร้อม ณ จุดเกิดเหตุ คอยรับมือในกรณีพบผู้รอดชีวิต ขณะที่ตำรวจเริ่มเปิดการจราจรบางส่วนของถนนหน้าอาคาร ซึ่งปกติการจราจรก็คับคั่งอยู่แล้ว “รอเฝ้ารอตลอดทั้งคืนเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น เคราะห์ร้ายที่ดูเหมือนว่าทุกคนน่าจะถูกนำตัวออกมาหมดแล้ว” พยาบาลทหารรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพี
ไฟยักษ์ถูกสาดส่องไปตามซากหักพังและรถเครน 2 คันถูกนำมาสมทบช่วยเหลือหน่วยกู้ภัยในกรณีต้องยกก้อนปูนขนาดใหญ่ในปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่าผู้รอดชีวิตรายหนึ่งถูกพบ 6 ชั่วโมงหลังจากเหตุระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.40 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย (04.40 น.)
เบื้องต้นโฆษกหน่วยป้องกันพลเรือนบอกเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ม.ค.) ดูเหมือนว่าปริมาณก๊าซสะสมภายในห้องจ่ายไฟฟ้าของอาคารคือต้นตอของเหตุระเบิด แต่ยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุที่แน่นอนของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้
ประธานาธิบดีเอนริเก เปนญา เนียโต แห่งเม็กซิโก และมิเกล แองเกล มันเซรา นายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี รุดไปยังที่เกิดเหตุในทันที จากนั้นประธานาธิบดีก็เดินทางไปเยี่ยมผู้รอดชีวิตที่โรงพยาบาล
ด้านมิเกล อังเคล โอโซนิโอ ชอง รัฐมนตรีมหาดไทยเตือนของคาดคะเนของสาเหตุต่างๆนานา โดยบอกเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ม.ค.) ว่าเป้าหมายของการตรวจสอบคือต้องนำมาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อ เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้
แรงระเบิดทำเอา พนักงานบริษัทน้ำมันซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจต่างพากันวิ่งหนีออกจากอาคารสูง 54 ชั้นท่ามกลางกลุ่มควันที่ลอยพวยพุ่งอยู่เบื้องล่าง โดยบางรายถึงขั้นช่วยแบกเพื่อนร่วมงานที่ได้รับบาดเจ็บมาพร้อมกับเก้าอี้เลยทีเดียว
แอสทริด การ์เซีย เทรวิโน พนักงานซึ่งทำงานอยู่ภายในอาคารเชื่อมดังกล่าวเล่าว่า “เราต้องอพยพออกจากอาคารภายใน 2 นาที ตอนที่ฉันกำลังวิ่งไปที่ร้านขายยาใกล้ๆ บริษัท กระจกอาคารก็แตกเสียงดังสนั่นพื้นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหว”
โรงน้ำมันและก๊าซของเพเม็กซ์เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาแล้วหลายครั้งในอดีต โดยเมื่อปีที่แล้ว โรงแยกก๊าซใกล้กับเมืองเรย์โนซาซึ่งอยู่ติดชายแดนสหรัฐฯ ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 30 ราย และเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2010 ท่อส่งน้ำมันของเพเม็กซ์ในเมืองซาน มาร์ติน เท็กซ์เมลูกันก็ถูกหัวขโมยลักลอบเจาะจนระเบิด คร่าชีวิตผู้คนไปอีก 29 ราย และบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 50 คน