เอเจนซี - หนูน้อย รฐา วัย 5 เดือนไม่สามารถทานอาหารได้ตามปกติ และเมื่อโตขึ้นเธออาจพูดไม่ชัดเหมือนเด็กทั่วไป หลังถูกพ่อใจโหดกัดจมูกและริมฝีปากบนจนฉีกเป็นแผลฉกรรจ์
ผู้ที่ทำร้ายเธอจนอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้คือพ่อแท้ๆ ซึ่งมีนามว่า บันดาร์ สิงห์ เป็นคนงานในไร่แห่งหนึ่งของหมู่บ้านสิยานาในเขตพิฆเนร์ รัฐราชสถานของอินเดีย
บันดาร์ กัดจมูกและริมฝีปากของลูกสาววัย 5 เดือนจนฉีก เนื่องจากโมโหที่ลูกสาวเอาแต่ร้องไม่หยุด
เขาถูกตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญาอินเดีย (ไอพีซี) อาจมีโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปีจนถึงตลอดชีวิต
ตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว(24) บันดาร์ วัย 36 ปี กลับถึงบ้านประมาณ 4 ทุ่มในสภาพเมามาย โดยขณะนั้นภรรยาและน้องสาวของเขากำลังใช้เฮนนาวาดลวดลายบนมืออยู่
เขาสั่งให้ภรรยาทำงานอย่างหนึ่ง แต่เธอปฏิเสธโดยชูมือที่กำลังเพนท์เฮนนาให้ดู ทำให้ บันดาร์ อารมณ์เสียและเข้าไปทุบตีเธอ พอ สาโรช ซึ่งเป็นน้องสาวจะเข้าไปห้ามก็ถูกพี่ชายขู่ไม่ให้แทรกแซงเรื่องผัวเมีย
ภันวาร์ กันวาร์ ลูกสาวคนโตวัย 3 ขวบ ร้องไห้เมื่อเห็นแม่ถูกทำร้าย พ่อใจเหี้ยมจึงตรงเข้าไปกัดที่แผ่นหลังและมือของเธอ และทุ่มร่างเด็กน้อยลงบนพื้น
รฐา ซึ่งนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่งตกใจตื่นเพราะเสียงกรีดร้องของพี่สาว ก่อนจะเริ่มร้องไห้โยเย บันดาร์ ซึ่งกำลังบ้าคลั่งเป็นทุนเดิมจึงเข้าไปกัดจมูกและริมฝีปากบนของลูกคนเล็กจนฉีกเป็นแผลเหวอะหวะ
ภรรยาและน้องสาวของเขารีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ซึ่งช่วยกันล็อคตัว บันดาร์ ส่งตำรวจในเช้าวันต่อมา
ดร. กิริช ประภาคาร หัวหน้าแผนกกุมารศัลยศาสตร์ประจำโรงพยาบาล ปรินซ์ พิชัย สิงห์ เมโมเรียล ในเมืองพิฆเนร์ เผยว่า แม้ รฐา จะปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องผ่าตัดศัลยกรรมพลาสติกครั้งใหญ่เพื่อแก้ไขจมูกและริมฝีปากที่ผิดรูปไป
“เราทำได้เพียงรักษาอาการบาดเจ็บ แต่ถ้าจะให้กลับมาเป็นปกติ เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมพลาสติก ซึ่งทำได้ที่โรงพยาบาลในเมืองชัยปุระเท่านั้น” ดร. ประภาคาร เผย
รฐา ถูกนำส่งโรงพยาบาล ซาไว มาน สิงห์ ในเมืองชัยปุระตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา(25) โดยมีมารดาและอาสาสมัครอีก 2-3 คนติดตามไปด้วย แต่สุดท้ายผู้เป็นแม่ก็นำเด็กน้อยกลับมาที่โรงพยาบาลในเมืองพิฆเนร์อีกครั้ง และไม่อธิบายเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร
ดร.ประภาคาร ยืนยันว่า โรงพยาบาลเมืองพิฆเนร์จะเร่งประสานกับแพทย์ในเมืองชัยปุระ เพื่อให้หนูน้อย รฐา ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป