รอยเตอร์ - ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยในวันศุกร์ (11) ว่า ไข้หวัดใหญ่ ที่กำลังแพร่เชื้ออยู่ในประเทศเวลานี้ได้เข้าสู่ระดับโรคระบาดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอาการปอดบวม และไข้หวัด ในสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.3%
ซีดีซีรายงานว่า 9 ใน 10 เขตของสหรัฐฯ มีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการยืนยันว่าโรคหวัดตามฤดูกาลนั้นลุกลามไปทั่วประเทศ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อแตะระดับสูง หลายสัปดาห์ก่อนช่วงเวลาปกติประมาณปลายเดือนมกราคม หรือเดือนกุมภาพันธ์ โดยเซาท์เวสต์ และแคลิฟอร์เนีย เป็นเพียงภูมิภาคเดียวที่มีการแพร่ระบาดของไข้หวัดในระดับปกติ
ในบอสตัน ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วถึง 10 เท่า ทำให้นายกเทศมนตรีโธมัส เมนิโน ต้องประกาศเตือนภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในวันพุธ (9) ที่ผ่านมา ขณะที่อิลลินอยส์ โรงพยาบาล 24 แห่งต้องรับมือกับผู้ป่วยโรคหวัดที่หลั่งไหลเข้าฉุกเฉิน ส่วนเพนซิลเวเนีย โรงพยาบาลบางแห่งต้องตั้งเต๊นท์รับผู้ป่วยอาการไม่ร้ายแรงไว้ด้านนอกอาคาร
ในแต่ละปีมีชาวอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่หลายหมื่นราย แม้จะไม่ใช่ปีที่มีการระบาดของโรค ซึ่งกำหนดว่าต้องมีอัตราผู้เสียชีวิตมากกว่า 7.3% ขณะที่ยังไม่มีการสรุปยอดรวมของเหยื่อไข้หวัดใหญ่ในปีนี้แต่อย่างใด
ซีดีซียังระบุว่า จนถึงขณะนี้มีเด็กเสียชีวิตจากโรคหวัดตามฤดูกาลแล้ว 20 คน ขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 2 คน โดยเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2011-2012 มี 34 ราย และ 282 รายในช่วงการแพร่ระบาดรุนแรงในปี 2009-1010
การแพร่ระบาดครั้งนี้นำไปสู่ความพยายามที่จะป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม นอกเหนือจากคำแนะนำตามปกติอย่าง การรับวัคซีน หลีกเลี่ยงติดต่อกับผู้ป่วย และล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังได้รายงานในสิ่งพิมพ์รายสัปดาห์ของซีดีซีว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในปีนี้มีประสิทธิภาพถึง 62% หมายถึงว่า 4 ใน 10 คนที่รับวัคซีนจะไม่ติดเชื้อแน่นอน