เอเจนซีส์ - “โตโยต้า” แถลงว่า ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 34,100 ล้านบาท) เพื่อประนีประนอมยอมความในคดีซึ่งบริษัทถูกยื่นฟ้องหมู่จากบรรดาเจ้าของรถยนต์ในสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนรถกลับมาซ่อมแซมครั้งใหญ่หลายระลอก เป็นการปิดฉากวิกฤตด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของญี่ปุ่นรายนี้ อย่างไรก็ตาม โตโยต้ายังคงย้ำว่าตนเองไม่ได้ยอมรับว่ารถของตนมีข้อบกพร่องแต่อย่างใด
ตามคำแถลงซึ่งบริษัทนำออกเผยแพร่ในสหรัฐฯตั้งแต่วันพุธ (26) แต่เป็นที่ทราบกันในญี่ปุ่นและเอเชียวันพฤหัสบดี (27) โตโยต้า มอเตอร์ ตกลงยินยอมจ่ายชดเชยให้แก่เจ้าของรถยนต์ราว 16.3 ล้านคัน ซึ่งสามารถอ้างได้ว่า รถโตโยต้าและแบรนด์อื่นๆ ในเครือที่พวกตนเป็นเจ้าของครอบครองอยู่ มีมูลค่าลดฮวบลงหลังเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตนับสิบกรณี ที่เชื่อกันว่าเกิดจากปัญหาในการควบคุมความเร็วของรถค่ายนี้เมื่อปี 2009
ข้อตกลงซึ่งยังต้องผ่านการรับรองจากผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯในแคลิฟอร์เนียก่อนด้วยนี้ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบตัดการทำงานคันเร่งอัตโนมัติ (brake override system) รวมทั้งชิ้นส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถที่โตโยต้าเรียกคืนมาซ่อมแซมให้ฟรีๆ จำนวนราว 2.7 ล้านคัน นอกจากนั้นยังรวมถึงค่าชดเชยที่บริษัทจะจ่ายให้แก่ผู้ขายรถโตโยต้าในราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หลังจากที่บริษัทประกาศเรียกคืนรถมาซ่อมแซมความบกพร่องนี้ หรือผู้ที่เป็นเจ้าของรถซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนฟรีข้างต้นแล้ว
ข้อตกลงคราวนี้ครอบคลุมทั้งรถแบรนด์โตโยต้า, เลกซัส และ ไซออน รุ่นระหว่างปี 1998-2010 ซึ่งจำหน่ายในสหรัฐฯจำนวนราว 16 ล้านคัน โดยรวมถึงรถขายดีอย่าง โตโยต้า คัมรี และ โตโยต้า โคโรลลา
อย่างไรก็ตาม คริสโตเฟอร์ เรโนลส์ ที่ปรึกษาใหญ่ด้านกฎหมายของโตโยต้า มอเตอร์ เซลส์ แห่ง อเมริกา แถลงว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และการประเมินผลของผู้เชี่ยวชาญอิสระต่างยืนยันว่า ระบบลิ้นปีกผีเสื้ออิเล็กทรอนิกส์ (electronic throttle control systems) ของโตโยต้ามีความปลอดภัย กระนั้น บริษัทตัดสินใจยุติปัญหาทางกฎหมายด้วยการประนีประนอมยอมความ เพื่อให้บังเกิดผลประโยชน์สูงสุดทั้งแก่บริษัท พนักงาน ตัวแทนจำหน่าย และลูกค้า
ขณะที่ มิเชลล์ เครบส์ นักวิเคราะห์ของ Edmunds.com เว็บไซต์วิเคราะห์แวดวงยานยนต์ ขานรับว่า การจ่ายค่ายอมความก้อนใหญ่เช่นนี้จะปลดปล่อยโตโยต้าจากปัญหามากมาย
หลังจากได้รับความยอมรับนับถือว่าผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูงมานานปี ปรากฏว่าช่วงไม่กี่ปีหลังๆ มานี้ โตโยต้าต้องประกาศเรียกคืนรถกลับมาซ่อมแซมให้ฟรีต่อเนื่องกันหลายระลอก รวมแล้วเป็นจำนวนหลายๆ ล้านคัน เนื่องจากมีข้อบกพร่องร้ายแรงหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกรถคืนระลอกใหญ่ๆ ในช่วงปี 2009 และ 2010 ภายหลังบริษัทพบว่ามีข้อบกพร่องเรื่องพรมรองพื้นรถเข้าไปขวางคันเร่ง กระทั่งถึงต้นปีที่ผ่านมา โตโยต้ายังต้องประกาศเพิ่มรถอีก 2 รุ่นซึ่งเข้าข่ายการเรียกคืนกลับมาซ่อมในกรณีดังกล่าว
และแล้วความผิดพลาดในการจัดการกับปัญหานี้ในตอนแรกๆ ตลอดจนปรากฏรายงานขึ้นมาอีกว่าคันเร่งของรถค่ายโตโยต้ามีความบกพร่องจนถึงระบบภายในโดยที่สามารถทำงานได้เองอย่างกะทันหัน ก็ได้กลายเป็นสาเหตุให้บริษัทถูกรัฐสภาสหรัฐฯสอบสวน อีกทั้งหน่วยงานกำกับตรวจสอบของอเมริกาก็สั่งปรับโตโยต้าเป็นเงินกว่า 50 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทก็ต้องออกมาขอโทษสาธารณชน
ต้นเดือนธันวาคมนี้เอง โตโยต้ายังตกลงยินยอมจ่ายค่าปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 17.35 ล้านดอลลาร์ จากกรณีที่ไม่ได้แจ้งให้ทางการสหรัฐฯ รับรู้ทันทีเกี่ยวกับปัญหาพรมที่อาจไปขวางคันเร่งในรถเลกซัสรุ่นปี 2010
ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โตโยต้ายอมจ่ายเงินอีก 25.5 ล้านดอลลาร์ เป็นการประนอมยอมความกับพวกผู้ถือหุ้นบริษัทซึ่งมีอันต้องขาดทุน หลังจากราคาหุ้นของโตโยต้าดิ่งเหวจากปัญหาการเรียกคืนรถครั้งใหญ่ทั่วโลก
ระยะหลังมานี้โตโยต้าพยายามอย่างหนักในการกู้ชื่อเสียงด้านความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการต่อสู้กับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ค่าเงินเยนแข็ง และความเสียหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว-คลื่นสึนามิในแดนอาทิตย์อุทัยเมื่อปีที่แล้ว
ล่าสุดความพยายามเหล่านี้ดูเหมือนเริ่มผลิดอกออกผล โดยในวันพุธ โตโยต้าแถลงแสดงความคาดหมายว่า ยอดขายทั่วโลกปีปัจจุบันจะเพิ่มขึ้น 22% เป็น 9.7 ล้านคันจากดีมานด์อันแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขขนาดนี้อาจช่วยให้บริษัททวงคืนตำแหน่งแชมป์ในตลาดโลก โดยสามารถแซงหน้า เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และโฟล์คสวาเกน ทั้งนี้ โตโยต้ามีฐานะเป็นค่ายรถใหญ่สุดของโลกระหว่างปี 2008-2010 ก่อนที่ยอดขายและจำนวนการผลิตจะลดฮวบในปี 2011 โดยมีปัจจัยหลักจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว-สึนามิในญี่ปุ่น
โตโยต้ายังคาดว่า จะทำยอดขายได้ 9.91 ล้านคันในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้น 2%
เจสซี โทปราก นักวิเคราะห์ของ TrueCar.com มองว่า ตัวเลขที่น่าตื่นตาตื่นใจของปีนี้พิสูจน์ว่า ผู้บริโภคกำลังกลับมาเชื่อมั่นโตโยต้าเหมือนเดิม