xs
xsm
sm
md
lg

'อัฟกานิสถาน'หาทางเลิก'ประเพณีแต่งงาน'ที่ล้าหลัง

เผยแพร่:   โดย: ฟารังกิส นาจิบุลเลาะห์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Afghans seek divorce from marital traditions
By Farangis Najibullah
11/12/2012

ขนบธรรมเนียมบางอย่างเกี่ยวกับการแต่งงานในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างภาระทางการเงินอย่างแสนสาหัส เป็นต้นว่า การเรียกค่าสินสอดอย่างลิบลิ่ว และการจัดงานเลี้ยงฉลองสมรสอย่างฟุ่มเฟือย กำลังถูกคัดค้านมากขึ้นทุกที และกระแสการต่อต้านอันแรงกล้ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ นี้เอง กลายเป็นเชื้อเพลิงให้แก่การรณรงค์ในระดับทั่วประเทศของกระทรวงกิจการสตรี เพื่อขจัดยกเลิกประเพณีที่ก่อให้เกิดหนี้สินทั้งหลาย นอกจากนั้น ทางกระทรวงยังกำลังพุ่งเป้าเล่นงานพวกขนบธรรมเนียมอย่างเช่น การนำผู้หญิงไปแต่งงานกับคนในตระกูลที่มีเรื่องอาฆาตเคียดแค้นกันเพื่อคลี่คลายความหมาดหมาง โดยที่การรณรงค์คราวนี้กำลังได้รับความสนับสนุนจากพวกนักการศาสนาผู้ทรงอิทธิพลด้วย

ในอัฟกานิสถานนั้น แทบไม่มีใครรู้สึกเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย เมื่อหนุ่มผู้หวังแต่งงานต้องจ่ายเงินจ่ายทองเพื่อให้ได้ตัวเจ้าสาวมา

ค่าใช้จ่ายสำหรับสิ่งที่ชาวอัฟกันเรียกกันว่า “วัลวาร์” (walwar) นี้ ซึ่งโดยสาระแล้วก็คือค่าสินสอด หรือค่าธรรมเนียมก่อนแต่งงานที่ต้องจ่ายให้แก่ว่าที่พ่อตาแม่ยายนั้น อาจจะสูงลิ่วถึงหลายพันดอลลาร์ทีเดียว เป็นการเพิ่มเติมขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดพิธีแต่งงานซึ่งก็อยู่ในระดับแพงลิบอยู่แล้ว

เวลานี้กำลังมีความเคลื่อนไหวภายในคณะรัฐบาลของอัฟกานิสถานซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ประชาชนของประเทศยุติการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมซึ่งสืบต่อกันมาช้านานทว่ากลายเป็นภาระทางการเงินอันหนักอึ้งแสนสาหัส

กระทรวงกิจการสตรี (Women's Affairs Ministry) ของอัฟกานิสถาน กำลังเปิดฉากทำสงครามกับค่าวัลวาร์ โดยหยิบยกเหตุผลขึ้นมาโจมตีว่า ค่าธรรมเนียมนี้ไม่เพียงในทางเทคนิคจะผิดกฎหมาย เพราะเข้าข่ายเป็นค่าตัวของเจ้าสาวที่เจ้าบ่าวซื้อไปแต่งงาน หากยังเป็นเพิ่มภาระที่ไม่จำเป็นจนทำให้ครอบครัวจำนวนมากต้องตกเป็นหนี้เป็นสินก้อนมหึมา

“การรณรงค์นี้มุ่งให้น้ำหนักความสำคัญไปที่เรื่องค่าวัลวาร์ซึ่งแพงลิ่วจนจ่ายไม่ไหว อันเป็นขนบธรรมเนียมที่น่าละอาย เพราะกำลังทำให้ครอบครัวต่างๆ จำนวนมากต้องประสบภาวะการเงินตึงตัวอย่างมโหฬาร” นี่เป็นคำแถลงของ เมซกาน มุสตาฟาวี (Mezhgan Mustafavi) รัฐมนตรีช่วยว่าการกิจการสตรี “นอกจากนั้น ยังครอบคลุมถึงการต่อสู้คัดค้านประเพณีอื่นๆ เกี่ยวกับการแต่งงาน บางอย่างบางประการด้วย เป็นต้นว่า การแต่งผู้หญิงออกไปเพื่อคลี่คลายความบาดหมางอาฆาตระหว่างตระกูล อย่างที่เรียกกันว่า การแต่งงาน ‘อย่างเลว’ ('bad' marriage) นั่นแหละ”

เป้าหมายของการรณรงค์คราวนี้ก็คือเพื่อปรับปรุงยกระดับชีวิตของผู้หญิงและปกป้องคุ้มครองสิทธิต่างๆ ของพวกเธอ เพราะถึงที่สุดแล้วผู้หญิงที่ถูกจัดให้แต่งงานนั่นแหละคือผู้ที่ต้องทุกข์ทรมานกับผลสืบเนื่องที่ตามมา มุสตาฟาวีชี้แจงต่อ

ในกรณีของการจ่ายค่าวัลลาร์ รัฐมนตรีช่วยผู้นี้บอกว่า มักทำให้เจ้าสาว “เริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอในครอบครัวที่ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพราะภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น” และชี้ต่อไปว่า “ในกรณีของการแต่งงาน ‘อย่างเลว’ เจ้าสาวก็มักถูกปฏิบัติเหมือนกับว่าเป็นลูกสาวของศัตรู”

**นักการศาสนาเข้าร่วมด้วย**

ในการรณรงค์ครั้งนี้ ทางกระทรวงได้ขอให้บรรดานักการศาสนาผู้ทรงอิทธิพลของประเทศ ตลอดจนสื่อมวลชน และพวกหน่วยงานรักษากฎหมาย เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุน

ปรากฏว่าเมื่อเร็วๆ นี้ มีบุคคลในวงการศาสนาราว 400 คนจากทั่วทั้งอัฟกานิสถาน ได้เข้ามามายังกรุงคาบูล เพื่อร่วมการประชุมซึ่งจัดขึ้นด้วยความช่วยเหลือของกระทรวงฮัจญ์และกิจการศาสนา (Hajj and Religious Affairs Ministry) โดยในระหว่างการหารือกัน พวกเขาได้ประณามประเพณีการจ่ายค่าวัลลาร์ ตลอดจนขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบทอดกันมานานอย่างอื่นๆ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิต่างๆ ของสตรี

บรรดานักการศาสนาเหล่านี้เห็นพ้องต้องกันว่า จะต้องนำเอาเรื่องประเพณีต่างๆ เกี่ยวกับการแต่งงาน มาพูดในการอบรมสั่งสอนในมัสยิดของพวกเขา ซึ่งน่าที่จะไปถึงชาวอัฟกันทั่วทั้งประเทศเป็นจำนวนล้านๆ คนทีเดียว

สถานีโทรทัศน์ “โตโล” (Tolo) ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ยอดนิยมของอัฟกานิสถาน ก็ตกลงที่จะทำการบันทึกการอบรมสั่งสอนดังกล่าว และนำมาแพร่ภาพออกอากาศทุกสัปดาห์ในช่วงเวลาที่มีผู้ชมมากที่สุด

ในสังคมอนุรักษนิยมอย่างลึกซึ้งของอัฟกานิสถานนั้น คำพูดของนักการศาสนาย่อมมีน้ำหนักและได้รับความเคารพชื่อถืออย่างสูง กระทรวงกิจการสตรีจึงเห็นว่าการเข้าร่วมของนักการศาสนาเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการรณรงค์คราวนี้

“คนจำนวนมากไม่ทราบเลยว่า การคิดค่าวัลาร์แพงๆ ซึ่งมีผลเท่ากับเป็นการขายลูกสาวของคุณเองนั้น ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับอิสลามเลย” มุสตาฟาวี กล่าว “ในความเป็นจริงแล้ว การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดทั้งกฎหมายแพ่งและกฎหมายชารีอะห์ (หลักกฎหมายอิสลาม)”

“ตามกฎหมายของอัฟกานิสถานนั้น มีการห้ามใช้ความรุนแรงต่อสตรี การซื้อหรือการขายมนุษย์ในบริบทของการแต่งงาน ถือเป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปีทีเดียว” รัฐมนตรีช่วยผู้นี้ระบุ “กฎหมายแพ่งฉบับต่างๆ ของเรานั้นระบุเอาไว้ว่ า ในการสมรส ห้ามไม่ให้มีการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้าซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม กฎหมายครอบครัวของเราก็ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ขนบธรรมเนียมอย่างเช่น ค่าวัลลาร์, ราคาเจ้าสาว, การแต่งผู้หญิงออกไปเพื่อยุติความบาดหมางอาฆาตระหว่างตระกูล, หรือการแต่งผู้หญิงออกไปเพื่อเป็นราคาค่าเลือดให้แก่ครอบครัวของเหยื่อ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม ด้วยเหตุนี้ จึงห้ามไม่ให้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมพวกนี้”

**ค่าใช้จ่ายเรือนพันเรือนหมื่นดอลลาร์**

กฎหมายชารีอะห์ มีบทบัญญัติที่อนุญาตให้ว่าที่เจ้าสาวสามารถเรียกร้องเงินทองจากครอบครองของเจ้าบ่าวได้ ถึงแม้จำนวนเงินต้องเป็นเท่าไรมิได้มีการกำหนดไว้ตายตัว แต่กฎหมายชารีอะห์ก็แนะนำว่าควรจะต้องเป็นจำนวนเงินน้อยๆ และครอบครัวใหม่ของเธอสามารถที่จะจ่ายให้ได้อย่างไม่ลำบาก

มีนักการศาสนาบางคนกระทั่งคำนวณออกมาว่า จำนวนไม่ควรเกินสองสามร้อยอัฟกานี ซึ่งเท่ากับ 5 ถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ในทางเป็นจริงแล้ว ครอบครัวของเจ้าสาวชาวอัฟกันจำนวนมาก เรียกร้องให้เจ้าบ่าวต้องจ่ายเงินเรือนพันเรือนหมื่นดอลลาร์ เป็นค่าวัลวาร์และของขวัญอย่างอื่นๆ เป็นต้นว่า พวกทองรูปพรรณและอัญมณีทั้งหลาย ยิ่งกว่านั้น ยังมีการเรียกร้องให้เจ้าบ่าวจ่ายเงินจัดเลี้ยงอาหารเฉลิมฉลองการสมรสอย่างฟุ่มเฟือย ตลอดจนงานสังสรรค์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน

ทางกระทรวงประมาณการว่า ครอบครัวชาวอัฟกันโดยเฉลี่ยต้องใช้เงินทองถึง 15,000 ดอลลาร์เป็นค่าใช้จ่ายในการแต่งงาน

ในแวดวงทางสังคมนั้น ค่าสินสอดและความหรูหราฟุ่มเฟือยของงานเลี้ยงสังสรรค์ฉลองการแต่งงาน เป็นสิ่งที่ส่งผลกระเทือนกระเทือนถึงฐานะทางสังคมของแต่ละตระกูลทีเดียว เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการยกย่องยอมรับให้อยู่ในฐานะที่สูงส่ง หลายๆ ครอบครัวต้องเก็บเงินอดออมกันเป็นปีๆ และพวกคนหนุ่มๆ มักต้องออกจากบ้านไปเป็นแรงงานในต่างประเทศซึ่งต้องทำงานหนักอย่างอดทนเป็นปีๆ เพื่อหาเงินมาให้ได้เพียงพอ

ในการดิ้นรนแสวงหาทางหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายอันสูงลิ่วดังกล่าว บางครอบครัวที่มีทั้งลูกชายและลูกสาว ใช้วิธีแต่งพี่สาวหรือน้องสาวของเจ้าบ่าว ให้แก่พี่ชายหรือน้องชายของเจ้าสาว ซึ่งเป็นการแต่งงานหมู่ที่เรียกกันว่า “การสมรสแบบแลกเปลี่ยนกัน” (badal marriages) โดยที่คำว่า บาดัล badal ตามศัพท์แปลว่า “แลกเปลี่ยน” นั่นเอง

“กฎหมายที่ระบุโทษการกระทำต่างๆ เหล่านี้ แทบไม่ได้ถูกหยิบยกนำมาบังคับใช้กันเลย” มุสตาฟาวี บอก “เรากำลังขอให้พวกหน่วยงานรักษากฎหมายช่วยดำเนินคดีกับคนสักสองสามรายที่ละเมิดกฎหมายเหล่านี้ เพื่อเป็นการตักเตือนคนอื่นๆ ว่า การขายลูกสาวของคุณนั้นเป็นความผิดทางอาญา”

รายงานนี้มาจาก เรดิโอ ฟรี ยุโรป/เรดิโอ ลิเบอร์ตี ( Radio Free Europe/Radio Liberty หรือ RFE/RL) ทั้งนี้ เรดิโอ ฟรี ยุโรป/เรดิโอ ลิเบอร์ตี เป็นกิจการกระจายเสียงที่ได้รับเงินทุนจากรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อเสนอข่าวสารข้อมูลและบทวิเคราะห์ไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันออก, เอเชียกลาง, และตะวันออกกลาง
กำลังโหลดความคิดเห็น