เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เซอร์เก วิกโทโรวิช ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ออกโรงเตือนในวันอังคาร (18) ระบุ ความพยายามในการผลักดันร่างแก้ไขกฏหมายฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาห้ามชาวอเมริกันรับอุปการะเด็กกำพร้าในรัสเซีย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ลาฟรอฟ วัย 62 ปีซึ่งอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2004 ระบุว่า การออกกฏหมายที่มีเนื้อหาเจาะจงห้ามชาวอเมริกันรับอุปการะเด็กรัสเซียถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และขัดต่อหลักสากลว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ โดยยืนยันการรับอุปการะเด็กข้ามประเทศยังถือเป็นกลไกทางสังคมที่มีความจำเป็นและควรดำรงอยู่ต่อไป พร้อมแนะว่า รัสเซียควรหาแนวทางอื่นในการป้องกันมิให้เด็กรัสเซียถูกทำร้ายหรือตกอยู่ในอันตรายหลังจากที่ชาวต่างชาติรับไปดูแล
ลาฟรอฟยังเผยว่า ขณะนี้ ทางกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกำลังพยายามทำความเข้าใจกับรัฐบาลของหลายประเทศที่มีพลเมืองต้องการรับอุปการะเด็กกำพร้าชาวรัสเซีย เพื่อสร้างหลักประกันด้านความปลอดภัยให้กับเด็กๆกลุ่มนี้
ท่าทีล่าสุดของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียมีขึ้นหลังมีรายงานข่าวจากกรุงมอสโก ซึ่งอ้างเซอร์เกย์ เนเวรอฟ รองประธานสภาดูมา หรือสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย ที่ยืนยันจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวในวาระ 2 ในวันพุธ(19)โดยมีแนวโน้มว่า สมาชิกพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากถึง 238 จาก 450 ที่นั่ง อย่างพรรค “ยูไนเต็ด รัสเซีย” ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีดมิตรี เมดเวเดฟ ที่เป็นฝ่ายริเริ่มผลักดันร่างฯดังกล่าว จะให้ความเห็นชอบอย่างถล่มทลาย โดยเนื้อหาสำคัญในร่างฉบับแก้ไขดังกล่าว คือ การกำหนดให้ทั้งปัจเจกบุคคลชาวอเมริกัน ตลอดจนบริษัทหรือองค์การสัญชาติอเมริกัน และผู้ที่กระทำการในฐานะ “ตัวแทน”ให้กับบุคคลสัญชาติอเมริกัน ไม่สามารถรับเด็กกำพร้าชาวรัสเซียไปเลี้ยงดูได้อีกต่อไป หลังเกิดเหตุพ่อแม่บุญธรรมชาวอเมริกันทิ้งให้หนูน้อย ดิมา ยาคอฟเลฟ วัย 2 ขวบ อยู่เพียงลำพังภายในรถยนต์คันหนึ่งที่จอดทิ้งไว้กลางสภาพอากาศร้อนจัดนานถึง 9 ชั่วโมง จนเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า เมื่อไม่นานมานี้
ทั้งนี้ นอกจากการเสียชีวิตของหนูน้อยยาคอฟเลฟวัย 2 ปีแล้ว ข้อมูลของทางการรัสเซียพบว่า เด็กรัสเซียที่ถูกรับไปอุปการะในสหรัฐฯจำนวนมากยังถูกทำทารุณ ข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศ และตกเป็นเหยื่อฆาตกรรม โดยนับตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1990 หลังการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต มีเด็กชาวรัสเซียอย่างน้อย 19 คนถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของพ่อแม่บุญธรรมชาวอเมริกัน ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าขณะนี้มีเด็กรัสเซียราว 60,000 คนอยู่ภายใต้การอุปการะของพลเมืองอเมริกัน
