xs
xsm
sm
md
lg

'ไทย'อันดับ13เงินสกปรกไหลออก10ปีสูญไปแล้วเฉียด2ล้านล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - แฉ อาชญากรรม คอร์รัปชั่น และการหนีภาษี เป็นปัจจัยที่ช่วยกันดูดเงินไหลออกจากประเทศกำลังพัฒนาไปเฉียดๆ 6 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยที่เงินผิดกฎหมายเหล่านี้ยังกำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ สำหรับประเทศที่เป็นแชมป์ในการสูญเสียเงินเหล่านี้สูงที่สุดคือจีน เฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 274,000 ล้านดอลลาร์ (8.494 ล้านล้านบาท) หรือถ้านับรวมตั้งแต่ปี 2001-2010 ก็เท่ากับ 2.74 ล้านล้านดอลลาร์ (84.94 ล้านล้านบาท) ขณะที่เฉพาะปี 2010 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ทำการศึกษาอยู่ที่ 420,360 ล้านดอลลาร์ (13.031 ล้านล้านบาท) ส่วนไทยตลอดทั้งทศวรรษ มีมูลค่าความสูญเสียเฉลี่ยปีละ 6,426 ล้านดอลลาร์ (199,206 ล้านบาท) อยู่ในอันดับ 13 หรือรวมทั้ง 10 ปีก็จะอยู่ที่ 64,260 ล้านดอลลาร์ (1.992 ล้านล้านบาท) และนับเฉพาะปี 2010 อยู่ที่ 12,370 ล้านดอลลาร์ (383,470 ล้านบาท) ติดอยู่อันดับ 10 ของโลก

เฉพาะในปี 2010 เพียงปีเดียว บรรดาเงินสกปรกจากชาติกำลังพัฒนาทั่วโลกซึ่งไหลเข้าไปตามศูนย์หลบหนีภาษีและพวกธนาคารตะวันตกทั้งหลาย มียอดรวมกันทั้งสิ้น 858,800 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เกือบๆ ครึ่งหนึ่งทีเดียว (274,000 ล้านดอลลาร์) เป็นเงินที่ออกมาจากจีน หรือคิดเป็นกว่า 8 เท่าตัวของอันดับ 2 และ 3 อย่างมาเลเซีย (64,380 ล้านดอลลาร์) และเม็กซิโก (51,200 ล้านดอลลาร์) ตามลำดับ

องค์การเพื่อความซื่อสัตย์มั่นคงทางการเงินแห่งโลก (Global Financial Integrity หรือ GFI) ซึ่งเป็นองค์การรณรงค์เพื่อให้การเงินในระดับโลกอยู่ในภาวะที่มีผู้รับผิดชอบสามารถตรวจสอบได้ โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน จัดทำรายงานจัดอันดับดังกล่าวนี้ออกมาเผยแพร่ในวันจันทร์(17) โดยบอกด้วยว่า ยอดเงินผิดกฎหมายไหลออกของทั่วโลกในปี 2010 เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2009

เรย์มอนด์ เบเกอร์ ผู้อำนวยการจีเอฟไอกล่าวว่า เวลานี้ยังคงมีเงินสกปรกจำนวนมากมายมหาศาลไหลออกจากโลกกำลังพัฒนา ไปเข้าสู่โลกพัฒนาแล้ว ตลอดจนเข้าสู่พวกศูนย์ออฟชอร์สำหรับหลบหนีภาษีและพวกธนาคารของประเทศพัฒนาแล้ว

“การที่พวกชาติกำลังพัฒนากำลัง 'เสียเลือด' มากขึ้นๆ ในช่วงเวลาซึ่งทั้งประเทศร่ำรวยและประเทศยากจนต่างกำลังดิ้นรนเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของตนเองเติบโตกันทั้งนั้น รายงานฉบับนี้จึงควรถือเป็นสัญญาณเตือนภัยให้บรรดาผู้นำของโลกตระหนักว่า จำเป็นที่จะต้องทำอะไรให้มากขึ้นเพื่อจัดการกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเป็นอันตรายเหล่านี้” เบเกอร์ระบุ

รายงานฉบับนี้ของจีเอฟไอ ซึ่งใช้ชื่อว่า “การเคลื่อนย้ายของเงินผิดกฎหมายจากบรรดาประเทศกำลังพัฒนา ปี 2001-2010” (Illicit Financial Flows From Developing Countries: 2001-2010) ระบุว่า นอกจากจีนที่เป็นอันดับ 1 แล้ว ประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในอันดับรองๆ ลงมา ได้แก่ ที่ 2 เม็กซิโก ซึ่งสูญเสียเงินในช่วง 10 ปีนี้โดยเฉลี่ยเท่ากับปีละ 47,600 ล้านดอลลาร์, ที่ 3 มาเลเซีย 28,500 ล้านดอลลาร์, ที่ 4ซาอุดีอาระเบีย 21,000 ล้านดอลลาร์, ที่ 5รัสเซีย 15,200 ล้านดอลลาร์, ที่ 6ฟิลิปปินส์ 13,782 ล้านดอลลาร์, ที่ 7 ไนจีเรีย 12,904 ล้านดอลลาร์, ที่ 8 อินเดีย 12,332 ล้านดอลลาร์, ที่ 9 อินโดนีเซีย 10,886 ล้านดอลลาร์, ที่ 10 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 10,650 ล้านดอลลาร์, ที่ 11 อิรัก 10,597 ล้านดอลลาร์, ที่ 12 แอฟริกาใต้ 8,390 ล้านดอลลาร์, ที่ 13 ไทย 6,426 ล้านดอลลาร์

เฉพาะปี 2010 นั้น ขณะที่จีนยังคงรักษาแชมป์เอาไว้อย่างเหนียวแน่น มาเลเซียกลับแซงขึ้นที่ 2 โดยสูญเสียเงินไปในปีดังกล่าว 64,380 ล้านดอลลาร์, ที่ 3 เม็กซิโก 51,200 ล้านดอลลาร์, ที่ 4 รัสเซียก็แซงขึ้นด้วยยอด 43,600 ล้านดอลลาร์, ส่วนที่ 5 ซาอุดีอาระเบีย 38,200 ล้านดอลลาร์, ขณะที่อันดับ 6-10 ของปี 2010 ได้แก่ อิรัก 22,200 ล้านดอลลาร์, ไนจีเรีย 19,660 ล้านดอลลาร์, คอสตาริกา 17,510 ล้านดอลลาร์, ฟิลิปปินส์ 16,620 ล้านดอลลาร์, และไทย 12,370 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบัน บรรดาผู้นำกลุ่ม 20 ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก (จี20) กำลังให้ความสำคัญมากขึ้นกับวิธีการในการปราบปรามทั้งเรื่องการฟอกเงิน การรักษาความลับของพวกธนาคารที่ไม่เป็นผลดีต่อสาธารณชน และช่องโหว่ด้านภาษี ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้การยักยอกเงินแผ่นดินหรือการเคลื่อนย้ายเงินรายได้จากกิจกรรมผิดกฎหมาย ไปจากประเทศกำลังพัฒนา
กำลังโหลดความคิดเห็น