นาโตอนุมัติส่ง “ขีปนาวุธแพทริออต” ป้องกันชายแดนตุรกีจากภัยคุกคามซีเรีย

เอเอฟพี - องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อนุมัติการส่งขีปนาวุธแพทริออตให้แก่ตุรกีซึ่งเป็นประเทศสมาชิก เพื่อป้องกันแนวชายแดนจากภัยคุกคามของซีเรีย หลังจากที่ประกาศเตือนหลายครั้งมิให้ซีเรียใช้อาวุธเคมีเข้าประหัตประหารพลเมืองของตนเอง

แอนเดอร์ส ฟ็อก ราสมุสเซน เลขาธิการนาโต แถลงว่า การส่งขีปนาวุธแพทริออตให้แก่กรุงอังการาสะท้อนถึง “เจตนารมณ์อันแน่วแน่” ของนาโตที่จะปกป้องความมั่นคงให้แก่ชาติสมาชิกทั้ง 28 ประเทศ ท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้งในซีเรียที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 21 และมีผู้สังเวยชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 41,000 คน ตามรายงานของศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียในกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นองค์กรที่เอียงข้างฝ่ายกบฎ

“เราขอฝากไปยังทุกกลุ่มทุกประเทศที่หวังจะโจมตีตุรกีว่า จงอย่าแม้แต่จะคิด” ราสมุสเซน แถลง ระหว่างการประชุมเป็นเวลา 2 วันที่กรุงบรัสเซลส์

เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า นาโต “เห็นชอบให้มีการส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศไปยังตุรกี เพื่อปกป้องพลเมืองที่อาศัยอยู่ในดินแดนตุรกี และเพื่อบรรเทาวิกฤตตามแนวชายแดนของชาติซึ่งเป็นสมาชิกนาโต”

เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐฯ ต่างเห็นชอบที่จะให้ตุรกีได้รับการคุ้มกันด้วยขีปนาวุธแพทริออต ซึ่งจะอยู่ภายใต้การควบคุมของกองบัญชาการกองกำลังผสมยุโรป (SACEUR)

ราสมุสเซน ย้ำว่า ขีปนาวุธแพทริออตเป็นเพียงมาตรการป้องกันเท่านั้น และจะมีการหารือด้านเทคนิคต่อไปว่า ขีปนาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯจะถูกไปยังตุรกีเป็นจำนวนเท่าใด และติดตั้งในจุดไหนบ้าง

การประชุมนาโตที่กรุงบรัสเซลส์มีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า รัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด กำลังเคลื่อนย้ายอาวุธเคมีจากคลังแสง

“สมาชิกนาโตต่างมีความกังวลเมื่อทราบว่า รัฐบาลซีเรียคิดที่จะใช้อาวุธเคมี ซึ่งการทำเช่นนั้นถือว่ารับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง และเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ” ราสมุสเซน ระบุ

ก่อนหน้านั้น เลขาธิการนาโตยังขอร้องให้นานาชาติร่วมกันตอบโต้ทันที หากดามัสกัสนำอาวุธเคมีออกมากวาดล้างผู้เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลจริง

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(3) ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ก็ได้ออกแถลงการณ์เตือนมิให้ อัสซาด ใช้อาวุธเคมีโดยเด็ดขาด และหากยังดื้อดึงก็จะต้องรับ “ผลที่ตามมา” ด้วย

รัฐบาลตุรกีออกมาแสดงความชื่นชมการตัดสินใจของนาโต พร้อมยืนยันว่า ตุรกีจะใช้ขีปนาวุธแพทริออตเพื่อป้องกันภัยคุกคามภายนอกเท่านั้น และไม่มีจุดประสงค์เพื่อบังคับใช้เขตห้ามบิน (air exclusion zone) เหนือน่านฟ้าซีเรียแต่อย่างใด