รอยเตอร์ - อดีตนายกรัฐมนตรี ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี แห่งอิตาลี ขู่จะให้พรรคฝ่ายขวาของเขาเลิกสนับสนุนรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี มาริโอ มอนติ ซึ่งจะทำให้การเมืองอิตาลีกลับสู่วังวนแห่งความวุ่นวายอีกครั้ง ก่อนจะถึงการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนเมษายนปีหน้า
แบร์ลุสโกนี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 4 ปีฐานเลี่ยงภาษีในคดีที่เกี่ยวกับบริษัทสื่อโทรทัศน์ของเขา ออกมาให้สัมภาษณ์วานนี้(27)ว่า “เราต้องตระหนักความจริงที่ว่า แนวคิดริเริ่มของรัฐบาลนี้ทำให้เศรษฐกิจอิตาลียิ่งถดถอยหนักขึ้น”
“อีก 2-3 วัน ผมและพันธมิตรจะแถลงการตัดสินใจว่า เราจะถอนตัวหรือสนับสนุนรัฐบาลต่อไป เมื่อพิจารณาถึงวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้แล้ว”
รัฐบาลเทคโนแครตของ มอนติ ซึ่งได้เสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย, ฝ่ายขวา และสายกลาง อาจต้องถึงคราวล่มสลาย หากว่ากลุ่มฝ่ายขวาทั้งหมดรวมถึงพรรคพีดีแอลของ แบร์ลุสโกนี ถอนตัวจากรัฐบาล
มอนติ เข้ารับตำแหน่งผู้นำอิตาลีเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลกำลังพุ่งสูงลิ่ว เขาใช้ทั้งมาตรการขึ้นภาษี, ตัดลดรายจ่าย และลดเงินบำนาญเพื่อบรรเทาหนี้สาธารณะซึ่งสูงถึง 126% ของจีดีพี ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
อัตราการว่างงานในอิตาลีเพิ่มเป็น 10.7% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติรายเดือนในปี 2004 ขณะที่สหภาพแรงงานก็ออกมาประท้วงบริษัทต่างๆที่ปิดโรงงานและไล่พนักงานออกจำนวนมาก
แบร์ลุสโกนี วัย 76 ปี ซึ่งร่ำรวยจากอาณาจักรสื่อ ยังไม่ระบุวันเวลาที่แน่นอนที่พรรคของเขาจะประกาศการตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลกับ มอนติ ต่อไปหรือไม่
แบร์ลุสโกนี ตำหนิรัฐบาลที่ยอมจำนนต่อ “นโยบายเศรษฐกิจแบบครอบงำ” ของเยอรมนี ทั้งยังกล่าวหานายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีและอดีตประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศสว่า “พยายามทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองในระดับนานาชาติ” ของตนระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำอิตาลี
แบร์ลุสโกนี ถูกศาลตัดสินให้มีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษี โดยใช้บริษัทต่างชาติซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์สหรัฐฯ และปรับแต่งราคาลิขสิทธิ์เพื่อให้บริษัท มีเดียเซ็ต ของเขาเสียภาษีน้อยลง
แม้จะถูกตัดสิทธิ์เล่นการเมือง 5 ปี แต่เนื่องจากคำตัดสินยังไม่มีผลบังคับจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการอุทธรณ์ แบร์ลุสโกนี จึงสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในเดือนเมษายนปีหน้าได้
ระหว่างการสัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์(27) แบร์ลุสโกนี เอ่ยในทำนองว่า ตนจะไม่อำลาการเมืองอย่างที่หลายฝ่ายคาดคิด และอาจลงสมัคร ส.ส. ในปีหน้า แต่ไม่คิดจะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย