ภาพถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวแห่งหนึ่งเผยให้เห็นว่าทางด่วน 4 เลนถูกกลืนหายไปกับกลุ่มฝุ่นทรายหนาทึบ ขณะเดียวกันก็พบเห็นรถยนต์และรถเทรลเลอร์หลายสิบคันประสบอุบัติเหตุหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นตรงกลางถนนหรือไหล่ทาง
ลมจากพายุฝุ่นทรายทำให้ไฟฟ้าถูกตัดขาดในบางพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่า "ไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และเชื่อว่าสภาพอากาศที่แห้งแล้งจึงทำให้เกิดพายุฝุ่นทรายครั้งนี้"
ด้านสายตรวจทางหลวงเผยว่าพายุทรายนี้เป็นต้นตอของอุบัติเหตุหลายจุด ขณะที่ตำรวจท้องถิ่นอีกคนเสริมว่ามีรถยนต์และรถพ่วงขนาดใหญ่หลายสิบคนเกี่ยวข้องในอุบัติเหตุเหล่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย อย่างไรก็ตามเคราะห์ดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต
รายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ด้านคมนาคมของรัฐ ต้องสั่งปิดการจราจรบนถนนบางช่วงเป็นระยะทางเกือบ 13 กิโลเมตร "ลมพัดแรงมากและพายุฝุ่นทรายก็ปกคลุมจนแทบมองอะไรไม่เห็น" เจมส์ เวสต์ ตำรวจสายตรวจทางหลวงโอคลาโฮมาบอกตอนบ่ายวันพฤหัสบดี(11) พร้อมเผยว่าทัศนวิสัยของการขับขี่มองเห็นแค่ระยะใกล้ไม่ถึง 10 ฟุต
อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำวันเดียวกัน ถนนบางช่วงที่ปิดไปก็สามารถเปิดให้สัญจรได้ตามปกติ หลังเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาด ขจัดซากระเกะระกะ และรอจนพายุสงบลงแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนภัยพายุฝุ่นทรายในหลายพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐโอกลาโฮมา และอุตุนิยมวิทยา คาดว่า กระแสลมอาจลดความเร็วลงเหลือ 32 กม./ชม.แต่อาจมีช่วงลมกระโชกแรงที่พัดด้วยความเร็วถึงเกือบ 45 กม./ชม.ได้ แต่ลมจะสงบลงในคืนวันศุกร์นี้