เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นในเบลเยียมชี้ พรรคการเมืองแนวชาตินิยมเฟลมิช “Nieuw-Vlaamse Alliantie" หรือ “N-VA” ซึ่งชูนโยบายแบ่งแยกดินแดน 5 จังหวัดใหญ่ทางตอนเหนือของเบลเยียมออกไปปกครองตนเอง สามารถคว้าชัยชนะได้ในหลายพื้นที่ ถือเป็นการส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า กระแสความต้องการแบ่งแยกดินแดนในยุโรปเริ่มทวีกำลังแรงขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะหลังจากที่ยุโรปต้องเผชิญวิกฤตเรื้อรังด้านหนี้สินและงบประมาณ
รายงานข่าวระบุว่า พรรค“N-VA” ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขต “ฟลานเดอร์ส” หรือดินแดนแถบตอนเหนือของเบลเยียมที่มีประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาดัตช์ สามารถคว้าชัยชนะได้ในหลายพื้นที่ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของเบลเยียมจำนวนกว่า 300 เขตที่จัดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึง นายบาร์ท ดิ วีเฟอร์ ผู้นำพรรควัย 41 ปีสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอันท์เวิร์ป เมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของยุโรป
ชัยชนะของพรรคการเมืองแนวชาตินิยมดังกล่าวในเบลเยียม มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่กระแสการแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มชาติพันธุ์ในยุโรปเริ่มทวีกำลังแรงขึ้น ทั้ง ความพยายามแบ่งแยกดินแดนของแคว้นคาตาโลเนียหรือ “กาตาลุนญา” ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน รวมถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาตินิยมในแคว้นสกอตแลนด์ที่ต้องการปลดแอกดินแดนของตนจากการปกครองของอังกฤษ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่ปลุกให้กระแสการแบ่งแยกดินแดนในยุโรปทวีกำลังแรงขึ้น เกิดจากผลพวงของวิกฤตหนี้สินและการขาดดุลงบประมาณครั้งเลวร้ายของกลุ่มยูโรโซน หรือ 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลัก ที่ส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆในยุโรปเล็งเห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลกลางในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ จนต้องมีการขูดรีดภาษีและตัดลดงบประมาณต่างๆ ซึ่งทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เกิดแรงผลักดันที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนมาปกครองตนเอง
ทั้งนี้ นายดิ วีเฟอร์ อ้างว่า พรรคการเมืองของตนเป็นตัวแทนการต่อสู้ทางการเมืองของชาวเฟลมิช หรือชาวเบลเยียมที่พูดภาษาดัตช์ที่มีจำนวนกว่า 6 ล้านคนจากจำนวนประชากรเบลเยียมทั้งประเทศ 11 ล้านคน โดยระบุ พื้นที่ในเขตฟลานเดอร์สทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ไม่สมควรต้องมาแบกรับความยากจนของเขตวัลโลเนีย ของกลุ่มประชากรที่พูดภาษาฝรั่งเศสทางตอนใต้ของเบลเยียม