เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด อูลด์ อับเดล อาซิส แห่งมอริเตเนีย ขึ้นเครื่องบินไปยังกรุงปารีสเพื่อรับการตรวจรักษาทางการแพทย์แล้วในวันอาทิตย์ (14) ภายหลังได้รับบาดเจ็บจาก “อุบัติเหตุ” เมื่อทหารซึ่งจำขบวนรถของผู้นำไม่ได้ เกิด “เข้าใจผิด” และยิงใส่ขบวนรถของเขาขณะเดินทางกลับจากพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์มุ่งคืนสู่เมืองหลวงนูแอกชอต
ก่อนออกเดินทางไปยังฝรั่งเศส ประธานาบดี อูลด์ อับเดล อาซิส ได้ปรากฏตัวทางโทรทัศน์จากเตียงโรงพยาบาลของเขา เขาบอกกับชาวมอริเตเนียว่า ภายหลังถูกยิงในวันเสาร์ (13) แล้ว เขาก็ได้รับการผ่าตัด ซึ่ง “ประสบความสำเร็จ” เป็นอันดี
“ผมอยากจะย้ำยืนยันกับพวกท่านทั้งหลายว่า สุขภาพของผมยังดีอยู่หลังเกิดเหตุคราวนี้ ซึ่งเป็นการกระทำอันผิดพลาดของหน่วยทหารหน่วยหนึ่ง” เขากล่าวด้วยหน้าตาท่าทางที่ดูอิดโรย ทว่ายังคงสามารถพูดจาด้วยเสียงที่เป็นปกติ
“ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร” ประธานาธิบดีมอริเตเนียกล่าวต่อ โดยที่มีพวกผู้นำของประเทศเรียงรายอยู่เคียงข้างเตียงของเขา ทั้งนายกรัฐมนตรีมูลาเย อูลด์ โมฮาเหม็ด ลัจธัฟ ตลอดจนพวกผู้นำของฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร
ก่อนหน้านี้ คณะรัฐบาล โดยรัฐมนตรีสื่อสารคมนาคม ฮัมดี มาห์จูบ ก็แถลงข่าวอย่างชนิดมุ่งลดทอนความสำคัญของเหตุการณ์ยิงประธานาธิบดีคราวนี้ โดยระบุว่า อับเดล อาซิส ซึ่งปัจจุบันอายุ 55 ปี “ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย” จากการยิงที่เป็น “อุบัติเหตุ” และพวกทหารที่ยิงก็ไม่ได้รู้เลยว่าขบวนรถดังกล่าวเป็นขบวนของประธานาธิบดี
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงรายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ประธานาธิบดีมอริเตเนียได้บินไปยังกรุงปารีสเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งหนึ่ง ภายหลังที่ได้รับการผ่าตัดในโรงพยาบาลทหารของประเทศเพื่อเอากระสุนที่ฝังอยู่ออกมา
แหล่งข่าวรายนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ากระสุนดังกล่าวเจาะเข้าไปที่ส่วนไหนของร่างกายประธานาธิบดี แต่ยืนยันว่าไม่ได้ถูกอวัยวะสำคัญใดๆ ทั้งสิ้น และ “ชีวิตของท่านไม่ได้อยู่ในอันตรายแต่อย่างใด”
คำพูดของเขาเป็นการปฏิเสธข่าวของสื่อมวลชนในกรุงนูแอกชอตซึ่งรายงานไปต่างๆ หลายหลาก โดยมีทั้งที่ระบุว่าเขาถูกยิงที่แขน และ/หรือ ที่บริเวณท้อง
อย่างไรก็ตาม มีแหล่งข่าวด้านความมั่นคงรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีอับเดล อาซิส ซึ่งขึ้นครองอำนาจในประเทศยากจนทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกาแห่งนี้ นับตั้งแต่ที่เขาเป็นผู้นำฝ่ายทหารก่อรัฐประหารยึดอำนาจในเดือนสิงหาคม 2008 นั้น ตกเป็นเป้าหมายมุ่งเล่นงานโดยตรงทีเดียวในคราวนี้
แหล่งข่าวบอกว่า อับเดล อาซิสถูกยิงที่แขนโดยฝีมือของมือปืนที่ไม่ทราบชื่อรายหนึ่ง ขณะที่เขากำลังนั่งรถกลับจากการพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ที่เมืองทีเวลา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 40 กิโลเมตร
มือปืนผู้นั้นซึ่งอยู่ในรถยนต์คันหนึ่ง “เล็งเป้าหมายตรง” ไปที่ประธานาธิบดีทีเดียว แหล่งข่าวรายนี้กล่าวต่อ ทว่าเขาไม่ได้บอกรูปพรรณสัณฐานของมือปืน ตลอดจนมูลเหตุจูงใจเบื้องหลัง
พวกสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านนั้นกล่าวหาอับเดล อาซิส ซึ่งเป็นอดีตนายทหารระดับนายพล ว่าเป็นพวกรวบอำนาจ ทำตัวเป็นเผด็จการ และบริหารงานต่างๆ อย่างบกพร่องผิดพลาด
เขายังถูกกล่าวหาว่าไม่ยอมทำตามคำมั่นสัญญาที่ระบุเอาไว้ในข้อตกลงดาการ์ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่นำไปสู่การจัดการเลือกตั้งในปี 2009 หรือ 1 ปีภายหลังที่เขายึดอำนาจด้วยการทำรัฐประหาร โดยที่เขาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
เวลานี้ฝ่ายค้านเรียกร้องต้องการให้มีคณะรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมารับช่วงอำนาจจากอับเดล อาซิส เพื่อหาหนทางนำพาประเทศยากจนแห่งนี้ให้ก้าวผ่านพ้นวิกฤต และแก้ไขปัญหาสำคัญๆ อย่างเช่น ภาวะการว่างงาน, การค้าทาส และการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน
อับเดล อาซิส ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการกองทหารพิทักษ์ประธานาธิบดีก่อนที่จะก่อการรัฐประหารยึดอำนาจนั้น ยังคงยืนกรานว่าเขาจะไม่ยอมลาออก ถึงแม้เกิดการประท้วงของฝ่ายค้านขึ้นมาหลายครั้งหลายหนแล้ว
ในด้านความสัมพันธ์กับฝ่ายตะวันตกนั้น อับเดล อาซิสได้รับการยอมรับจากชาติตะวันตก ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส ในฐานะพันธมิตรต่อสู้กับขบวนการอัลกออิดะห์ในภูมิภาค และเรื่องนี้ทำให้เขาเป็นเป้าหมายการสังหารของกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิสลามิก มาเกร็บ (AQIM) มาหลายครั้ง
ทั้งนี้ มอริเตเนียได้เปิดปฏิบัติการทางทหารเล่นงานกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในมาลี ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านหลายระลอก ก่อนที่กลุ่มกบฏในประเทศดังกล่าวจะแยกตัวออกเป็น 2 กลุ่มและเชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์
วาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของอับเดล อาซิส นั้นจะสิ้นสุดลงในปี 2014