เอเอฟพี - ครอบครัวและผู้รอดชีวิตหลายร้อยคนเดินทางไปร่วมพิธีไว้อาลัยเหยื่อ 202 ชีวิตที่จากไปในเหตุลอบวางระเบิดไนต์คลับบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซียเมื่อ 10 ปีก่อน วันนี้ (12)
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ปี 2002 เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่ “ซารี คลับ” และ “แพดดีส์ บาร์” บนเกาะบาหลี ซึ่งกำลังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสนุกสนานในช่วงวันหยุดพักผ่อน โศกนาฏกรรมครั้งนั้นกระตุ้นให้รัฐบาลอินโดนีเซียหันมากวาดล้างกลุ่มติดอาวุธมุสลิมอย่างจริงจัง และปลุกกระแสจริยธรรมขึ้นในสังคมแดนจิงโจ้ที่ต้องสูญเสียพลเมืองไปถึง 88 ราย
ครอบครัวเหยื่อชาวออสเตรเลีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวหรือทีมนักกีฬา เดินทางมายังเกาะบาหลีเพื่อปิดฉากความทรงจำอันโหดร้ายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
“ผมเสียลูกสาวไป 2 คนในเหตุระเบิดที่บาหลี” แดนนี แฮนลีย์ เอ่ยถึงบุตรสาวทั้งสองที่จากไป โดยเรเนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนซิโมเน บุตรสาวคนเล็ก เสียชีวิตในอีกหลายสัปดาห์ต่อมาที่โรงพยาบาลในเมืองเพิร์ท และเป็นเหยื่อรายที่ 88 ของโศกนาฏกรรมครั้งนี้
“เมื่อเราย่างเข้าสู่ทศวรรษใหม่ในปีนี้ ขอให้เราทุกคนก้าวต่อไปด้วยความอดทน และรำลึกเสมอว่าพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเรา”
เหตุโจมตีนักท่องเที่ยวตะวันตกซึ่งเป็นฝีมือกลุ่มญามาอะห์ อิสลามียะห์ (เจไอ) ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ เกิดขึ้นเพียง 1 ปีหลังเหตุวินาศกรรม 9/11 ในสหรัฐฯ
พิธีรำลึกถูกจัดขึ้นท่ามกลางการดูแลของตำรวจ, ทหาร และหน่วยสไนเปอร์รวมกว่า 2,000 นาย หลังอินโดนีเซียประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ฉวยโอกาสก่อเหตุร้ายที่บาหลี ทว่าเมื่อวานนี้ (11) ทางการอิเหนาก็ได้ออกแถลงการณ์ให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป
นายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด แห่งออสเตรเลีย เดินทางไปร่วมพิธีไว้อาลัยที่ศูนย์วัฒนธรรมขนาดใหญ่บนเกาะบาหลี โดยเอ่ยถึงผลพวงของโศกนาฏกรรมครั้งนั้นว่า “รอยแผลหรือแผลเป็น มีบ้างที่รักษาหาย บ้างก็รักษาไม่หาย แต่เก้าอี้ซึ่งขาดคนนั่งไปนั้น ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้”
นายกฯ หญิงยังสรรเสริญจิตใจที่เข้มแข็งของพลเมืองออสเตรเลีย และชี้ว่าเหตุการณ์ที่บาหลีทำให้อินโดนีเซียและออสเตรเลียซึ่งมีสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นในบางครั้ง ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ผ่านไป 10 ปี ตำรวจอินโดนีเซียสามารถติดตามสังหาร หรือจับกุมผู้ที่ร่วมก่อเหตุระเบิดไนต์คลับทั้ง 2 แห่งได้ทั้งหมดแล้ว
