เอเอฟพี/เอเจนซีส์-รัฐบาลฟิลิปปินส์เผชิญกับกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงของประชาชนในวันนี้ (3) หลังจากกฎหมายฉบับใหม่ว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้นับจากนี้ ผู้ใดก็ตามที่โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาใส่ร้ายป้ายสี หรือทำให้บุคคลอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงในโลกออนไลน์ อาจต้องเข้าไปรับโทษในเรือนจำนานเกินกว่า 10 ปี
รายงานข่าวระบุว่าสื่อกระแสหลักทั่วฟิลิปปินส์ รวมถึงบรรดาบล็อกเกอร์ และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิเสรีภาพ ตลอดจนนักวิจารณ์ต่างพร้อมใจเปลี่ยนสีพื้นโซเชียลมีเดียในหน้าโพรไฟล์ของตนเป็นสีดำ เพื่อแสดงการประท้วงกฎหมายดังกล่าวที่ให้อำนาจกับรัฐบาลในการสั่งปิดเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผล ท่ามกลางกระแสโจมตีที่ระบุว่า รัฐบาลฟิลิปินส์นำกฎหมายดังกล่าวมาบังคับใช้เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการจัดการกับฝ่ายต่อต้าน เพราะรัฐบาลไม่อาจทนรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่แตกต่างจากยุคที่จอมเผด็จการเฟร์ดินานด์ มาร์กอส ครองอำนาจ ซึ่งเคยมีการประกาศใช้กฏอัยการศึกในช่วงทศวรรษที่ 1970
ขณะที่เตโอฟิสโต กิงโกนา หนึ่งในกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่มีจุดยืนคัดค้านการบังคับใช้กฏหมายดังกล่าวที่ประธานาธิบดีเบนินโญ อากิโนลงนามประกาศใช้เมื่อเดือนที่แล้ว เตรียมออกมานำการเคลื่อนไหวเพื่อขอให้ศาลสูงพิจารณายกเลิกกฏหมายดังกล่าว โดยระบุกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์ฉบับนี้ จะนำชาวฟิลิปปินส์ย้อนกลับไปสู่ “ยุคมืด” ที่ไร้ซึ่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการพูด
ทั้งนี้ เนื้อหาส่วนหนึ่งในกฎหมายดังกล่าว ระบุว่า บุคคลผู้โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทหรือให้ร้ายผู้อื่นในโลกออนไลน์อาจต้องรับโทษจำคุกนานถึง 12 ปี ขณะที่กระทรวงยุติธรรมกลายเป็น “ผู้มีอำนาจล้นฟ้า”ที่สามารถสั่งปิดเว็บไซต์ และมีอำนาจในการจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ ไม่เว้นแม้แต่อีเมลของประชาชน และข้อความส่วนบุคคล