เอเจนซี - ภาพที่เห็นนี้คือการจำลองเหตุเครื่องบินตก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ทดสอบปล่อยเครื่องบินโดยสารให้ร่วงลงสู่พื้น เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับตัวเครื่องและผู้โดยสารที่นั่งอยู่ภายใน
การควบคุมเครื่องบินโบอิ้ง 727 ชนิด 170 ที่นั่งให้ตกลงสู่ทะเลทรายโซโนรันของเม็กซิโก ถือเป็นงานทดลองด้านการบินที่น่าตื่นตะลึงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยหลังจากที่นักบิน เจมส์ สโลคัม วัย 55 ปี กระโดดร่มออกจากเครื่องบินที่ความสูง 2,500 ฟุต นักบินอีกคนหนึ่งที่ขับเครื่องบินเล็ก Cessna ตามมาก็ใช้รีโมตคอนโทรลควบคุมเครื่องบินโดยสารให้ร่วงลงสู่พื้นดิน
นักวิจัยติดตั้งหุ่นดัมมี 3 ตัวไว้ภายในเครื่อง ซึ่งหุ่นเหล่านี้ถูกออกแบบให้เคลื่อนไหวร่างกายได้เหมือนมนุษย์
หุ่นแต่ละตัวถูกวางไว้ในท่านั่งแตกต่างกัน ตัวที่หนึ่งอยู่ในท่าก้มตัวกอดเข่า (brace position) และคาดเข็มขัดนิรภัย ตัวที่สองคาดเข็มขัดนิรภัยแต่ไม่นั่งในท่าก้มตัวกอดเข่า และตัวสุดท้ายไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และไม่อยู่ในท่าก้มตัวกอดเข่าด้วย
เมื่อเครื่องบินตกกระแทกพื้นโดยเอาส่วนหัวลงก่อน ปรากฏว่าหุ่นที่นั่งในท่าก้มตัวกอดเข่าจะปลอดภัยจากแรงกระแทก ตัวที่ไม่ได้อยู่ในท่าดังกล่าวได้รับบาดเจ็บรุนแรงศีรษะ และตัวสุดท้ายที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ในสภาพพังยับเยิน
โครงการทดลองมูลค่า 1 ล้านปอนด์ซึ่งจะแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ของอังกฤษในเดือนตุลาคมนี้ มีเป้าหมายเพื่อจำลองการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแต่ยังอยู่ในขั้นมีผู้รอดชีวิต และเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาความเสียหายเชิงโครงสร้างเมื่อเกิดการชน (crashworthiness) ของตัวเครื่องและห้องโดยสาร ตลอดจนผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ด้วย
นักวิทยาศาสตร์ติดตั้งกล้องหลายสิบตัวบนเครื่องบินโบอิ้งที่ใช้ทดลอง เพื่อให้เห็นสภาพภายในตัวเครื่อง และยังมีการจับภาพจากพื้นดิน, บนเครื่องบินเล็กที่ติดตามมา และแม้กระทั่งบนหมวกนักบินที่ดีดตัวออกจากเครื่อง
ผลการทดลองสรุปได้ว่า ผู้โดยสารร้อยละ 78 จะรอดชีวิตจากการตกในลักษณะนี้ ทว่าผู้โดยสารชั้นเฟิสต์คลาสจะเสียชีวิตทั้งหมด เนื่องจากส่วนหน้าของเครื่องบินฉีกขาดออกจากลำตัว
ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังเครื่องมีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด
การทดลองครั้งนี้ถือเป็นการจำลองสถานการณ์เครื่องบินตกครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ โดยเมื่อนาซาทำการทดลองลักษณะนี้กับเครื่องบินโบอิ้ง 720 ในปี 1984 ปรากฏว่าเครื่องบินเกิดระเบิดไฟลุกท่วมทั้งลำ