เอเอฟพี - ราคาน้ำมันนิวยอร์กวานนี้ (12) ขยับลงเล็กน้อย จากข้อมูลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก หลังศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีไฟเขียวให้รัฐสภาของประเทศ สามารถรับรองการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูยุโรปถาวร ขณะที่ทองคำทรงตัว เหตุนักลงทุนเฝ้ารอถ้อยแถลงของเฟดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจรอบใหม่
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น ลดลง 16 เซ็นต์ ปิดที่ 97.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 56 เซ็นต์ ปิดที่ 115.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (อีไอเอ) แถลงเมื่อวันพุธ (12) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 กันยายน บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันอ่อนแอภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ และปัจจัยนี้ฉุดให้ราคาน้ำมันนิวยอร์กปิดในแดนลบ
อย่างไรก็ตาม กลับกันราคาน้ำมันลอนดอนขยับขึ้นหลังได้อานิสงส์จากข่าวศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีไฟเขียวให้รัฐสภาของประเทศ สามารถรับรองกลไกฟื้นฟูเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอสเอ็ม) ก้าวย่างสำคัญสำหรับการสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจยุโรป
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (12) ปิดบวกตามตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากการรับรองกลไกฟื้นฟูเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอสเอ็ม) เป็นการเปิดประตูให้สามารถเข้าช่วยเหลือสเปน ชาติที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินได้เพิ่มเติม
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 10.69 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,334.05 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 9.78 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,114.31 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.08 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,436.64 จุด
“ไม่เป็นที่สงสัยเลย มันเป็นวันที่ดีของยูโรโซนและตลาดการเงิน” อันเดรียส รีส์ จากยูนิเครดิตกล่าว หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ากลไกฟื้นฟูเสถียรภาพการเงินยุโรปถูกต้องตามกฎหมาย “ประกอบกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อีซีบีให้คำมั่นเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลชาติประสบปัญหาหนี้สินอย่างไม่จำกัด เวลานี้กำแพงป้องกันยูโรโซนกำลังถูกสร้างขึ้นแล้ว”
ด้านราคาทองคำวานนี้ (12) แกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดลบเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนเฝ้ารอถ้อยแถลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของเฟด(ธนาคารกลางสหรัฐฯ) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
โดยทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.20 ดอลลาร์ (0.1 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,733.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์