เอเจนซีส์/เอเอฟพี - รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ประกาศให้ เครือข่ายกลุ่มติดอาวุธฮักกอนี ที่มีฐานอยู่ในปากีสถานเป็น "กลุ่มก่อการร้าย" ทั้งที่มีความหวั่นวิตกว่าการกระทำเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้อาจขัดขวางการเจรจาสันติภาพอัฟกานิสถาน หรือสร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรต่อต้านก่อการร้าย อย่างอิสลามาบัดมากยิ่งขึ้น
การตัดสินใจของฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งลงนามในวันศุกร์ (7) ก่อนหน้าเส้นตายที่สภาคองเกรสกำหนดไว้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกิจกับสมาชิกของกลุ่มฮักกอนี และปิดกั้นทรัพย์สินใดๆ ที่กลุ่มดังกล่าวถือครองในสหรัฐฯ โดยคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 10 วัน
"ฉันส่งรายงานต่อสภาคองเกรสที่ระบุว่าเครือข่ายฮักกอนีมีเกณฑ์ตามกฏหมายการเข้าเมือง และสัญชาติ (ไอเอ็นเอ) ที่ระบุว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ (เอฟทีโอ)" คลินตันกล่าว ระหว่างเดินทางไปเข้าร่วมกันประชุมซัมมิตเอเชีย-แปซิฟิก ที่เมืองวลาดิโวสตอก ประเทศรัสเซีย
คลินตันแถลงว่า สหรัฐฯ จะยังดำเนินแนวทางทางการทูต การทหาร และข่าวกรองอย่างมุ่งมั่น เพื่อกดดันเครือข่ายก่อการร้ายนี้ต่อไป เพื่อแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ของสหรัฐฯ ในการลดชั้นความสามารถขององค์กร ที่ก่อเหตุโจมตีรุนแรง
สหรัฐฯ ประณามเครือข่ายฮักกอนีว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีนองเลือดส่วนใหญ่ในอัฟกานิสถาน เช่น การปิดล้อมสถานทูตสหรัฐฯ ในปี 2011 และการถล่มซีไอเอที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 25 ปี ในปี 2009
ในปีที่ผ่านมา พลเอกไมค์ มุลเลน อดีตผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานเคยกล่าวว่า ฮักกอนีกลายเป็นอาวุธที่แท้จริงของหน่วยข่าวกรองอินเตอร์-เซอร์วิสของปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐฯ อาจตราหน้าปากีสถานว่าเป็นรัฐก่อการร้ายทางอ้อม
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอิสลามาบัด และวอชิงตันไม่ราบรื่นมานานหลายปี และเพิ่งพัฒนาดีขึ้นหลังย่ำแย่ที่สุดจากปฏิบัติการลับบุกโจมตีสังหารโอซามะห์ บิน ลาดิน แกนนำเครือข่ายอัลกออิดะห์ รวมถึงการยิงถล่มทางอากาศที่ทำให้ทหารปากีสถานเสียชีวิตโดยไม่คาดคิด 24 ราย
ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสของปากีสถานรายหนึ่งเผยว่า การตัดสินใจประกาศให้เครือข่ายฮักกอนีเป็นกลุ่มก่อการร้ายของสหรัฐฯ นั้น ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนักสำหรับความสัมพันธ์วอชิงตัน-อิสลามาบัดในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ใส่ใจต่อความกังวลดังกล่าว โดยยืนกรานว่ามีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้ว พร้อมกับย้ำว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาใดๆ กับกลุ่มตอลิบาน เพื่อยุติเหตุรุนแรงนองเลือดในอัฟกานิสถานที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี