เอเอฟพี - ราคาน้ำมันและทองคำปิดบวกวานนี้ (22) หลังรายงานของเฟดบ่งชี้ว่าธนาคารกลางแห่งนี้จ่อลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และปัจจัยนี้ก็ช่วยฉุดให้วอลล์สตรีทขยับขึ้นมาปิดในกรอบแคบๆ หลังช่วงต้นดิ่งลงแรง จากความกังวลต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 42 เซ็นต์ ปิดที่ 97.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 27 เซ็นต์ ปิดที่ 114.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวแดนลบในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามาหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุม (minutes) ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคมถึง 1 สิงหาคม ซึ่งเผยให้เห็นว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายมีแนวโน้มที่จะลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ จนกว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจจะพลิกผัน
ปัจจัยนี้เองที่ช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (22) แกว่งตัวขึ้นมาปิดในกรอบแคบๆ หลังจากช่วงต้นดิ่งลงอย่างแรง จากข้อมูลทางเศรษฐกิจอันย่ำแย่ของญี่ปุ่น
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 31.29 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,172.29 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 6.41 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,073.67 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.34 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,413.51 จุด
ยอดส่งออกประจำเดือนกรกฎาคมของญี่ปุ่นลดลง 8.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ที่ 2.9% โดยยอดจัดส่งไปยังสหภาพยุโรปร่วงลงถึง 25.1% รุนแรงที่สุดนับจากเดือนตุลาคม 2009 และส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลอียูสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 95,200 ล้านเยน
ข้อมูลล่าสุดที่ญี่ปุ่นเผยแพร่ออกมาในวันพุธ (22) ยังตอกย้ำด้วยว่า การเติบโตชะลอตัวในประเทศผู้ส่งออกสำคัญของเอเชียแห่งนี้อาจลากยาวเข้าสู่ไตรมาส 3 ของปีนี้
ด้านราคาทองคำวานนี้ (22) ขยับขึ้นในช่วงบ่ายของการซื้อขาย และแตะระดับสูงสุดรอบเกือบ 4 เดือนครั้งใหม่ จากแนวโน้มความเป็นไปได้ที่เฟดจะลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 6.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,649.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์