เอเจนซีส์ - ความเชื่อของชาวโสมขาวเรื่องการรับประทานเนื้อสุนัขเพื่อให้ร่างกายสามารถทนต่ออุณหภูมิในหน้าร้อน ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงจากองค์กรพิทักษ์สัตว์ทั่วโลก
“บ็อก นาล” หรือวันกินเนื้อสุนัข เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวแดนกิมจิที่จะรับประทานเนื้อสุนัขเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทรหดของร่างกายในช่วงที่อากาศร้อนที่สุดในรอบปี
องค์กรพิทักษ์สัตว์ทั่วโลกจัดการประท้วงวัฒนธรรมการกินสุนัขที่หน้าสถานทูตเกาหลีใต้ในหลายประเทศ เมื่อวานนี้ (7) โดยผู้ประท้วงบางคนพากันไปนั่งอยู่ในกรงเหล็กเลียนแบบสุนัขที่จะถูกฆ่า
แม้ในความเป็นจริงชาวเกาหลีใต้จะรับประทานเนื้อสุนัขตลอดทั้งปี แต่ในเทศกาลบ็อก-นาล อัตราการบริโภคเนื้อเพื่อนสี่ขาจะมากเป็นพิเศษ
ภัตตาคารเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า เมื่อวานนี้ (7) มีลูกค้าเข้าร้านมากกว่าทุกๆ วัน
กลุ่มพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐฯ อิน ดีเฟนส์ ออฟ แอนิมอล (In Defense of Animals: IDAUSA) ร้องเรียนว่า สุนัขและแมวถูกจับไปขังรวมในกรงที่คับแคบและสกปรก ก่อนจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเพื่อสนองความต้องการของตลาดเนื้อสุนัขและแมวที่มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถ้อยแถลงบนเว็บไซต์ของ IDAUSA ระบุว่า “สุนัขในเกาหลีใต้ถูกช็อตด้วยไฟฟ้า, แขวนคอ หรือตีจนตายกว่า 2.5 ล้านตัวในแต่ละปี”
“พวกมันถูกฆ่าอย่างโหดร้ายชนิดที่คุณคาดไม่ถึง ทั้งช็อตไฟฟ้า, แขวนคอ หรือแม้กระทั่งตีจนตาย เพราะมีความเชื่อว่ายิ่งสัตว์เจ็บปวดมากเท่าไหร่ เนื้อของมันก็จะยิ่งนุ่มนวลและอร่อยมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดีต่อสุขภาพด้วย”
นอกจากนี้ยังมีแมวอีกหลายพันตัวที่ถูกนำไปทำซุป และ “ยาบำรุง”
“แมวส่วนใหญ่จะถูกตีด้วยกระบอง และจับโยนลงไปในน้ำเดือดทั้งที่ยังเป็นๆ อยู่” IDAUSA เผย
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า กรุงโซลกำลังเผชิญสภาพอากาศร้อนแล้งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 โดยอุณหภูมิช่วงกลางวันสูงถึง 35 องศาเซลเซียส