เดลิเมล์ - เหล่านักประดาน้ำทีมสำรวจวัตถุลึกลับที่จมอยู่ก้นทะเลบอลติก ณ ความลึกกว่า 300 ฟุต เผยว่าอุปกรณ์ของพวกเขาหยุดทำงานเอาดื้อๆ เมื่อเข้าใกล้วัตถุรูปทรงแปลกประหลาดนี้ในรัศมี 200 เมตร เพิ่มเติมความน่าพิศวงมากยิ่งขึ้น หลังการค้นพบเบื้องต้นก่อข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับยูเอฟโอ
สเตฟาน โฮเกอร์บอร์น นักประดาน้ำมืออาชีพ ที่เข้าร่วมกับทีมโอเชียน เอ็กซ์ ในปฏิบัติการสำรวจวัตถุปริศนานี้ เผยว่ากล้องและโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมบางตัวของทีมหยุดทำงานเอาเฉยๆ เมื่ออยู่เหนือวัตถุดังกล่าวและพวกมันกลับมาใช้การได้อีกครั้งหลังจากเคลื่อนตัวออกมาพ้นรัศมี
เขากล่าวว่า “อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ต่างหยุดทำงานตอนที่เราอยู่เหนือวัตถุนี้ แต่พอเราเคลื่อนตัวห่างออกมาราว 200 เมตร มันก็กลับมาทำงานอีกครั้ง จากนั้นเราก็ลองกลับไปอยู่เหนือวัตถุนี้อีกและคราวนี้เครื่องมือก็ใช้งานไม่ได้เช่นเดิม”
ด้าน ปีเตอร์ ลินด์เบิร์ก นักประดาน้ำอีกคนกล่าวเสริมว่า “เราเจอบางสิ่งที่ผมมิอาจจินตนาการได้ ขณะที่ทีมก็เริ่มมีข้อสงสัยแล้วว่าเราอาจพบกับทฤษฎีที่ต่างออกไป ผมเตรียมใจตอนแรกๆว่าเราอาจเจอแค่หิน หน้าผา หินโผล่หรือโคลนทับถม แต่ดูเหมือนมันไม่ใช่แบบนั้น”
เดนนิส แอสเบิร์ก สมาชิกของทีมอีกคน ระบุว่า “ผมเชื่อและมั่นใจอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเราพบบางอย่างที่พิเศษอย่างมาก มันอาจเป็นอุกกาบาต ภูเขาไฟ เรือดำน้ำของเยอรมนีที่สร้างในสมัยสงครามเย็น หรือไม่ก็ยูเอฟโอ”
วัตถุนี้ถูกพบครั้งแรกด้วยระบบโซนาร์สแกนกวาดจากด้านข้างเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน แต่ด้วยเพราะขาดแคลนเงินทุนและเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม จึงไม่สามารถรวบรวมทีมเพื่อดำเนินการสำรวจวัตถุลึกลับที่จมอยู่ก้นทะเลบอลติกระหว่างสวีเดนและฟินแลนด์ได้
ทั้งนี้ ระหว่างการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ ทีมดำน้ำพบเห็นรอยทางยาว 985 ฟุต ซึ่งพวกเขาพรรณาว่าคล้ายเป็นรันเวย์หรือทางลงราบไปตามพื้นทะเล โดยมีวัตถุลึกลับอยู่ตรงส่วนท้ายของรอยทางดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทีมสำรวจมหาสมุทรกำลังตื่นเต้นอย่างยิ่งถึงความเป็นไปได้ของสิ่งที่พวกเขาค้นพบ แต่ก็มีผู้คนบางส่วนที่แสดงความเคลือบแคลงสงสัยและตั้งคำถามเกี่ยวกับความแน่นอนของเทคโนโลยีโซนาร์
“ผมเดาว่าพวกเขาอาจไม่เจออะไรเลย บางทีมันคงเป็นแค่หินกลมๆ ขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง” เบนจามิน รัดฟอร์ด รองบรรณาธิการนิตยสาร Skeptical Inquirer ให้สัมภาษณ์กับฮอฟฟิงตันโพสต์เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน
“ระบบโซนาร์สแกนไม่ใช่ภาพถ่าย มันอาจสร้างเงาสะท้อนที่ผิดพลาดได้ ดังนั้นมันไม่ชัดเจนหรอกว่า แท้จริงแล้วภาพที่คุณบันทึกได้นั้นคืออะไร” รัดฟอร์ดกล่าว “เรากำลังพูดถึงวัตถุที่อยู่ในระนาบเดียวกับก้นมหาสมุทร ซึ่งมันทำให้ภาพที่เกิดจากโซนาร์สแกนมีความน่าเชื่อน้อยมาก”
ทะเลบอลติก คือ แหล่งขุมทรัพย์ของนักล่าสมบัติตามซากเรือต่างๆ ด้วยคาดหมายว่ามีวัตถุราว 100,000 ชิ้น จมอยู่ใต้ก้นทะเลลึก ขณะเดียวกัน บริษัทเอกชนก็ฉวยโอกาสนี้สร้างเรือดำน้ำขึ้นมาเพื่อโกยเงินจากนักท่องเที่ยวหรือผู้ต้องการเป็นนักล่าสมบัติที่จะยอมจ่ายเงินสำหรับเดินทางลงไปสำรวจก้นทะเลด้วยตาของตนเอง