เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิ่งลงแรงกว่า 3 ดอลลาร์วานนี้ (21) จากข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงที่สูงลิ่วของอเมริกา และความหวังอันรางเลือนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยข้อมูลทางเศรษฐกิจอ่อนเปลี้ยในหลายชาติยักษ์ใหญ่ ก็ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบอย่างหนักเช่นกัน
นักลงทุนคาดหมายว่าอุปสงค์พลังงานโลกน่าจะถดถอยลงไป หลังมีข้อมูลส่งสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในสหรัฐฯ จีน และยุโรป เช่นเดียวกับตัวเลขคลังน้ำมันดิบสำรองของอเมริกา ที่บ่งชี้ถึงการหดตัวของอุปสงค์อย่างรุนแรงหลังสต๊อกเชื้อเพลิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายอย่างมาก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 3.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 3.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2010
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่แถมยังปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐของประเทศลงอีกเมื่อวันพุธ (21) ได้ก่อความผิดหวังแก่นักลงทุนอย่างมาก
และข่าวร้ายดังกล่าวยังติดตามมาด้วยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของจีนในวันพฤหัสบดี(21) หลังพบว่าดัชนีธุรกรรมการจัดซื้อภาคโรงงานอุตสาหกรรมจีนจากการสำรวจของเอชเอสบีซี ในเดือนมิถุนายน ลดลงเหลือ 48.1 จุด จาก 48.4 จุดในเดือนพฤษภาคม จากการหดตัวของภาคส่งอออกและอุปสงค์ที่อ่อนแอลงภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังได้ข่าวร้ายเพิ่มเติมจากดัชนีธุรกรรมการจัดซื้อภาคโรงงานอุตสาหกรรมของอียู ประจำเดือนมิถุยายน จากการสำรวจของมาร์กิต อีโคโนมิกส์ ที่พบว่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่เสื่อมทรามลงในภูมิภาคแห่งนี้
ปัจจัยข้างต้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อวอลล์สตรีทเช่นกัน โดยวานนี้ (21) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบอย่างหนักหน่วง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 250.89 จุด (1.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,573.50 จุด แนสแดค ลดลง 71.36 จุด (2.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,859.09 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 30.20 จุด (2.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,325.49 จุด
