พรรค “ออลลองด์” กวาดชัยเลือกตั้งรัฐสภาฝรั่งเศส-คุมเสียงทั้ง ส.ส.-ส.ว.

รอยเตอร์ - พรรคโซเชียลลิสต์ของประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส กวาดชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งรัฐสภารอบที่ 2 เมื่อวานนี้ (17) ซึ่งนับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับรัฐบาล ก่อนที่จะไปงัดข้อกดดันให้เยอรมนียอมสนับสนุนประเทศยุโรปที่กำลังย่ำแย่จากมาตรการรัดเข็มขัดและวิกฤตธนาคาร

ผลการนับคะแนนรอบสุดท้ายในฝรั่งเศสปรากฎว่า พรรคโซเชียลลิสต์และพันธมิตรคว้าที่นั่งในสภาได้ถึง 307 ที่นั่ง ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ 289 ที่นั่งจากทั้งหมด 577 ที่นั่งที่รัฐบาลจะได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาแห่งชาติ

ชัยชนะของพรรคฝ่ายซ้ายหมายความว่า ออลลองด์ จะสามารถออกกฎหมายต่างๆ ได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องพึ่งเสียงจากพรรคกรีน และ เลฟท์ ฟรอนท์ ซึ่งมีเพียง 16 และ 10 ที่นั่งตามลำดับ นอกจากนี้รัฐบาลยังกุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้ด้วย

“ผลเลือกตั้งเช่นนี้จะช่วยให้รัฐบาลมีอำนาจตัดสินใจ และเป็นตัวเสริมความแข็งแกร่งให้แก่รัฐบาล” ปิแอร์ มอสโกวิชี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศส แถลง

ด้านพรรคอนุรักษนิยมซึ่งคัดค้านแผนขึ้นภาษีคนรวยของ ออลลองด์ ได้มาทั้งหมด 224 ที่นั่ง ส่วนพรรค เนชันแนล ฟรอนท์ สายขวาจัดของ มารีน เลอ แปน ได้มา 3 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พรรคได้มีเสียงในรัฐสภาฝรั่งเศส นับตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา

เซโกลีน โรยาล อดีตภรรยาของ ออลลองด์ ซึ่งเคยพ่ายแก่ ซาร์โกซี ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2007 มาแล้ว ยังมาพ่ายแพ้ให้กับ โอลิเวียร์ ฟาร์ลอนี ผู้สมัครฝ่ายซ้ายที่ได้รับการหนุนหลังจาก วาเลรี เทรียร์ไวเลอร์ ภรรยาคนปัจจุบันของ ออลลองด์ ในสนามเลือกตั้งเมือง ลา โรแชลล์ อีกด้วย ซึ่งผลเลือกตั้งที่ออกมาทำให้เธอหมดโอกาสนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี และกลายเป็นปัญหาหนักอกให้กับ ออลลองด์ ที่จะต้องคอยแก้หน้าให้อดีตภรรยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดกรณีที่ เทรียร์ไวเลอร์ ไปโพสทวิตเตอร์สนับสนุน ฟาลอร์นี อย่างออกหน้าออกตาเมื่อไม่กี่วันก่อน จนสื่อเมืองน้ำหอมเอาไปวิจารณ์ว่า เธอจงใจหย่อนระเบิดใส่ภรรยาเก่าของสามี

ชัยชนะของพรรคโซเชียลลิสต์ยังเป็นตัวรับรองว่า รัฐสภาฝรั่งเศสจะสนับสนุนมาตรการก้าวไปสู่สหภาพการคลัง (fiscal union) ซึ่งเบอร์ลินตั้งเป็นเงื่อนไขไว้ เพื่อแลกกับการยอมสนับสนุนข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจและปฏิรูปเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงินที่ ออลลองด์ เสนอ

อย่างไรก็ดี พรรคของ ออลลองด์ ยังได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ของสภา ซึ่งจะเป็นเกณฑ์ที่รัฐบาลสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สถาบันของอียูเข้ามาควบคุมการวางแผนงบประมาณชาติได้มากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่เยอรมนีต้องการเพื่อแลกกับการสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของผู้นำฝรั่งเศส

ออลลองด์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำเมืองน้ำหอมเมื่อเดือนพฤษภาคม ปลีกตัวออกจากนโยบายผนึกกำลังกับเยอรมนีที่อดีตประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี เคยยึดถือ และหันไปเข้าข้างกลุ่มประเทศยุโรปใต้ที่กำลังเผชิญวิกฤตหนี้สินรุงรัง พร้อมเรียกร้องให้ตั้งเป้าหมายลดขาดดุลที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น