xs
xsm
sm
md
lg

ปิดคดีดังเมืองจิงโจ้! จนท.ชันสูตรชี้หนูน้อยอาซาเรียถูก “หมาป่าดิงโก้” ลากไปกินจริงเมื่อ 32 ปีก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลินดี แชมเบอร์เลน-เครย์ตัน แสดงใบมรณบัตรฉบับแก้ไขของ อาซาเรีย แชมเบอร์เลน บุตรสาววัย 9 สัปดาห์ หลังเจ้าหน้าที่ชันสูตรยืนยันต่อศาลว่า หนูน้อยถูกหมาป่าดิงโก้ลากออกไปจากเต็นท์จริงเมื่อ 32 ปีก่อน
เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ชันสูตรเมืองจิงโจ้เผยผลพิสูจน์ยืนยันว่า หนูน้อยอาซาเรีย แชมเบอร์เลน ถูกสุนัขป่าลากออกไปจากเต็นท์กลางทะเลทรายในออสเตรเลียเมื่อ 32 ปีก่อนจริง ปิดฉากคดีดังที่คาใจชาวออสเตรเลียและคนทั่วโลกมานานหลายสิบปี และเป็นต้นเค้าของภาพยนตร์เรื่อง A Cry in the Dark ที่นักแสดงหญิงชื่อก้อง เมอรีล สตรีป นำแสดง เมื่อปี 1988

หนูน้อยอาซาเรียหายไปจากเต็นท์ที่พักใกล้กับหินเอเยอร์สร็อก เมื่อปี 1980 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้จุดกระแสวิจารณ์ในสังคมออสเตรเลียว่า ลินดี แชมเบอร์เลน ผู้เป็นแม่ และถูกจำคุกฐานฆาตกรรมนั้น เป็นคนฆ่าลูกของเธอเองจริงหรือไม่

“ดิฉันพบว่าอาซาเรียถูกสุนัขป่า (dingo) ลากออกไปจากเต็นท์” เอลิซาเบธ มอร์ริส เจ้าหน้าที่ชันสูตรประจำศาลแขวงเมืองดาร์วิน กล่าว โดยยืนยันว่ามีหลักฐานที่ “เพียงพอ, ชัดเจน, ตรงประเด็น และแม่นยำ”

“มีหลักฐานบ่งบอกว่า ในบางสถานการณ์สุนัขป่าสามารถโจมตีและลากตัวเด็กเล็กๆ ไปจนถึงแก่ความตายได้”

ลินดี ซึ่งสมรสใหม่และใช้นามสกุล แชมเบอร์เลน-เครย์ตัน ยืนยันมาโดยตลอดว่า หมาป่าดิงโก้ลากตัวลูกสาวเธอไปจริง ทว่าสังคมออสเตรเลียกลับไม่เชื่อถือสิ่งที่เธอเล่า

“โปรดรับการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการตายของอาซาเรีย ลูกสาวที่คุณรักด้วย... ดิฉันรู้สึกเศร้าใจต่อความสูญเสียของคุณ กาลเวลาไม่อาจลบเลือนความเจ็บปวดของคนที่เสียลูกได้” มอร์ริสกล่าว

เมื่อออกจากศาลแล้ว ลินดี ซึ่งยังอยู่ในอาการโศกเศร้ากล่าวว่า เธอดีใจที่คดีนี้สิ้นสุดเสียที

“แน่นอน เรารู้สึกโล่งใจและยินดีที่เรื่องราวอันยืดเยื้อนี้จบลง... ต่อแต่นี้ไปคนออสเตรเลียจะพูดอีกไม่ได้ว่า หมาป่าดิงโก้ไม่เป็นอันตราย และจะทำร้ายคนก็ต่อเมื่อถูกยั่วยุเท่านั้น เราอาศัยอยู่ในประเทศที่สวยงามก็จริง แต่มันก็มีอันตรายซ่อนอยู่เหมือนกัน” ลินดีกล่าว
ลินดี และ อาซาเรีย บุตรสาววัย 9 สัปดาห์ (ภาพ: updatednews.ca)
เจ้าหน้าที่ออกใบมรณบัตรฉบับแก้ไขให้แก่พ่อแม่ของอาซาเรียทันที และถือเป็นการปิดฉากคดีที่ยืดเยื้อที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์กฎหมายของออสเตรเลีย

ไมเคิล ซึ่งเป็นบิดาของหนูน้อย กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ชันสูตรที่ยอมเปิดเผยความจริงอย่างกล้าหาญและไม่อิงฝ่ายใด

“ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรว่า มันเป็นเรื่องสำคัญแค่ไหนที่เราต้องรักษาความยุติธรรม แม้ในสถานการณ์ที่ดูจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม”

อาซาเรีย วัย 9 สัปดาห์ หายไปจากเต็นท์ในวันที่ 17 สิงหาคม ปี 1980 ระหว่างที่ครอบครัวของเธอไปพักผ่อนใกล้ๆ กับหินเอเยอร์สร็อก ในเขตทะเลทรายเอาต์แบ็กของออสเตรเลีย

บ่ายวันนั้น ลินดีวางลูกสาววัยแบเบาะเอาไว้ในเต็นท์ จากนั้นก็มีหมาป่าหรืออาจจะเป็นฝูงหมาป่าเข้าไปลากตัวเด็ก เมื่อได้ยินเสียงลูกร้อง ลินดีจึงกลับมาที่เต็นท์ และพบหมาป่าตัวหนึ่งอยู่แถวนั้น

เธอแจ้งขอความช่วยเหลือทันที แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีใครพบตัวหนูน้อยอีกเลย

ลินดีถูกตัดสินจำคุกฐานฆาตกรรมบุตรสาวตัวเอง และคลอดบุตรคนที่ 4 ขณะอยู่ในเรือนจำ แม้ผลชันสูตรเบื้องต้นจะสนับสนุนคำบอกเล่าของเธอที่ว่า อาซาเรียถูกหมาป่าลากตัวไปก็ตาม

ศาลยกเลิกคำพิพากษาลงโทษพ่อแม่ของอาซาเรีย ในปี 1988 หลังมีผู้บังเอิญพบเศษเสื้อผ้าของหนูน้อยตกอยู่ใกล้กับรังของหมาป่า

คดีนี้กลายเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง A Cry in the Dark ที่ออกฉายเมื่อปี 1988 โดยมี เมอรีล สตรีป และแซม เนลล์ นำแสดง นอกจากนี้ยังเป็นต้นเค้าให้กับหนังสือหลายเล่ม ละครซีรีส์ หรือแม้กระทั่งละครโอเปรา

สื่อต่างประเทศเฝ้าติดตามความคืบหน้าของคดีนี้อย่างใกล้ชิด ทำให้ชะตากรรมของอาซาเรีย กลายเป็นที่โจษขานไปทั่วโลก
หมาป่าดิงโก้
กำลังโหลดความคิดเห็น