เดลิเมล์ - นักผจญภัยชาวอเมริกันรายหนึ่งเคยออกเดินทางเพื่อสำรวจและศึกษาสังคมของมนุษย์กินคน เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1920 โดยได้ลิ้มลองเนื้อมนุษย์ด้วยตัวเอง พร้อมเผยว่าเนื้อของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้นมีรสชาตินุ่มลิ้นเหมือนเนื้อลูกวัว
วิลเลียม บือห์เลอร์ ซีบรูก เขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ของเขาลงในหนังสือ Jungle Ways ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1931 หลังจากเดินทางลงพื้นที่ในแอฟริกาตะวันตก และใช้เวลาคลุกคลีอยู่กับชนเผ่ากิวโร รวมถึงร่วมงานเลี้ยงกินเนื้อคนด้วย
ผู้แต่งหนังสือรายนี้เล่าว่า จากการสังเกตเนื้อคนสดๆ นั้นก็มีลักษณะเหมือนกับเนื้อวัวทั่วไป เพียงแต่สีไม่แดงสดเท่า และยังมีส่วนไขมันสีเหลืองซีดน้อยกว่า แต่เมื่อปรุงสุกแล้วก็เปลี่ยนเป็นสีเทา และมีกลิ่นไม่ต่างจากเนื้อวัวเลย
สำหรับรสชาติ เขาระบุว่า เนื้อคนมีรสชาติเกือบเหมือนกับเนื้อลูกวัวชั้นดีที่เติบโตเต็มที่ และเขาก็เชื่อว่าคนทั่วไปที่มีประสาทรับรสปกตินั้นไม่น่าจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างเนื้อคนกับเนื้อลูกวัวได้
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าข้อกล่าวอ้างของซีบรูกนั้นไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากเขาออกมายอมรับในภายหลังว่าชาวเผ่ากิวโรไม่ยอมให้เขาเข้าร่วมงานฉลองตามประเพณี ซ้ำยังอ้างว่าเขาได้ศพคนไข้ที่ป่วยตายจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสมาปรุงเป็นอาหารเอง
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยอมรับว่าคำอธิบายของซีบรูกมีประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการกินเนื้อมนุษย์ส่วนใหญ่นั้นมาจากความวิกลจริตทางอาญา และมักมีความขัดแย้งกัน
ทั้งนี้ อาร์มิน ไมเวส ฆาตกรชาวเยอรมันรายหนึ่งยืนกรานว่า เนื้อคนสดๆ นั้นมีรสชาติเหมือนเนื้อหมู แต่แข็งและขมกว่าเล็กน้อย ขณะที่ อิสไซ ซากาวะ มนุษย์กินคนชาวญี่ปุ่น บรรยายว่า เนื้อมนุษย์นั้นอ่อนนุ่มเหมือนปลาทูน่า
ส่วนผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกในเทือกเขาแอนดีสเมื่อปี 1972 ซึ่งจำเป็นต้องกินเพื่อนร่วมทางเพื่อเอาชีวิตให้รอด ยืนกรานว่าเนื้อคนที่เย็นแข็งไม่มีรสชาติใดๆ เลย
สำหรับผู้ที่พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับรสชาติของเนื้อมนุษย์ชี้ว่า รสชาติน่าจะหลากหลายแตกต่างกันไปตามอายุของเหยื่อ ส่วนของร่างกายที่ถูกกิน และวิธีการปรุง
บทความหนึ่งในเว็บไซต์ Slate.com กล่าวถึงสิ่งที่พวกมนุษย์กินคนบอกกับนักมานุษยวิทยาว่า เนื้อคนมีรสหวาน ปนขม นุ่ม เหนียว และอุดมด้วยไขมัน ซึ่งความหลากหลายนี้อาจเป็นผลมาจากลักษณะการปรุงที่แตกต่างกันออกไป
“หลายชนเผ่ากินเนื้อของคนตายก็ต่อเมื่อเริ่มเน่าเปื่อยเล็กน้อย หลายชนเผ่าก็เลือกที่จะย่าง หรือต้มก่อน แล้วใส่พริกไทย หรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ” เว็บไซต์ดังกล่าวระบุ
“สำหรับ รูดี ยูจิน มนุษย์ซอมบี้ในฟลอริดา กินใบหน้าของเหยื่อ ซีอุยชาวสวีเดนเลือกกินแต่ริมฝีปากคนเท่านั้น ขณะที่มีรายงานว่าชายชาวโตเกียวรายหนึ่ง ตุ๋นองคชาติของตัวเองขายให้ผู้ประมูลสูงสุดกิน”
“ชนเผ่ามนุษย์กินคนก็มีความหลากหลายนี้เช่นเดียวกัน มนุษย์กินคนทางแอฟริกาตะวันตกในหนังสือของซีบรูกชอบเนื้อสะโพก บั้นท้าย สันหลัง และมือ ซึ่งถูกมองว่าอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ขณะที่ชนเผ่ามนุษย์กินคนในฟิจิ เมื่อศตวรรษที่ 19 ชื่นชอบหัวใจ ต้นขา และต้นแขนมากกว่า ส่วนชนเผ่าอื่นๆ ดูน่าจะนิยมหน้าอกของหญิงสาวมากเป็นอย่างยิ่ง”