เผย “มือระเบิดชุดชั้นใน” รายใหม่ของอัลกออิดะห์เป็นสายลับให้ซีไอเอ

เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เผย ชายคนที่เครือข่ายอัลกออิดะห์ในเยเมนส่งไปก่อเหตุโจมตีเครื่องบินพาณิชย์ของสหรัฐฯ นั้น เป็นสายลับสองหน้า ซึ่งแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มก่อการร้าย และอาสาเป็นผู้ลงมือระเบิดฆ่าตัวตายเอง

ไทมส์อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และต่างประเทศ ระบุว่า สายลับคนดังกล่าวเดินทางออกจากเยเมน ผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และส่งระเบิดที่จะใช้ในการโจมตี รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้นำกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ให้กับ
ซีไอเอ หน่วยข่าวกรองซาอุดีอาระเบีย และอื่นๆ

สายลับรายนี้ใช้เวลาหลายสัปดาห์ร่วมกับกลุ่มอัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาหรับ (AQAP) และมอบข้อมูลสำคัญ ที่ทำให้ซีไอเอสั่งการโจมตีทางอากาศในวันอาทิตย์ (6) ซึ่งคร่าชีวิต ฟาห์ด อัลกูโซ คนร้ายรายใหญ่
ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวฐานระเบิดเรือรบยูเอสเอส โคล ในเยเมน เมื่อปี 2000 ไทมส์และสื่ออื่นๆ รายงาน

เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ รายหนึ่งเผยกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ว่า ระเบิดที่เตรียมไว้ใช้ในแผนระเบิดเครื่องบินนั้นถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญการผลิตระเบิดของ AQAP โดยเย็บติดเข้ากับกางเกงชั้นใน ซึ่งยากที่จะถูกตรวจจับได้

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังเสริมว่า ระเบิดในครั้งนี้ไม่เหมือนกับระเบิดที่ใช้ในแผนโจมตีเครื่องบินของ AQAP เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2009 เนื่องจากสามารถจุดชนวนได้ 2 วิธี ในกรณีที่วิธีแรกล้มเหลว ทั้งยังเป็นวัตถุระเบิดคุณภาพสูงแบบที่ใช้ในกองทัพ ซึ่งสามารถทำให้เครื่องบินลำหนึ่งตกได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ก่อนหน้านี้ เอบีซีนิวส์รายงานว่า แผนก่อการร้ายล่าสุดของ AQAP นี้ถูกสกัดโดยสายลับรายหนึ่ง ซึ่งแทรกซึมเข้าไปในกลุ่ม และนำระเบิดไปยังซาอุดีอาระเบีย

อย่างไรก็ตาม ซีไอเอ และหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาลยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าว
ดังกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญของเอฟบีไอกำลังวิเคราะห์ระเบิดลูกนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้ว่าเป็นรุ่นปรับปรุงยกระดับขึ้นจาก “ระเบิดกางเกงใน” ที่อุมาร์ ฟารุค อับดุลมุตัลลับ ผู้ก่อการร้ายชาวไนจีเรียใช้ในการโจมตีเที่ยวบิน 253 ของนอร์ทเวสต์ แอร์ไลนส์ ที่มุ่งหน้าสู่เมืองดีทรอยต์ในวันคริสต์มาสปี 2009 แต่ประสบความล้มเหลว

แม้เจ้าหน้าที่จะโน้มน้าวว่าการสกัดแผนระเบิดครั้งนี้เป็นความสำเร็จ แต่พวกเขาก็ยอมรับว่า AQAP ยังคงมุ่งมั่นก่อเหตุโจมตีต่อไป และอิบรอฮิม ฮัสซัน ตอเลห์ อัล อาซิรี ผู้เชี่ยวชาญการผลิตระเบิดของกลุ่มก็ดูเหมือนว่าจะยังทำงานหนักเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจรักษาความปลอดภัยที่สนามบิน