ผู้นำมุสลิมมาเลย์ตัดสิน “เดินขบวนประท้วง” ผิดหลักอิสลาม

เอเอฟพี - คณะผู้นำศาสนาอิสลามในมาเลเซียมีคำตัดสิน (ฟัตวา) ให้การเดินขบวนประท้วงผิดหลักศาสนา วานนี้ (6) หลังจากที่นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ออกมาระบุว่า การประท้วงที่จัตุรัสเมอร์เดก้ากลาง
กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อปลายเดือนที่แล้ว มีจุดประสงค์เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึง

ชาวมาเลเซียราว 20,000 คนออกไปรวมตัวกันที่ใจกลางกรุงกัมลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 28 เมษายน เพื่อท้าทายคำสั่งห้ามเดินขบวนประท้วง และเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิรูปการเลือกตั้งให้โปร่งใส โดยผู้ประท้วงพยายามฝ่าแผงเหล็กกั้นเข้าไปในบริเวณจัตุรัสเมอร์เดก้า จนถูกตำรวจสกัดกั้นด้วยแก๊สน้ำตาและน้ำผสมสารเคมี และมี
ผู้ถูกจับ 513 คน

“การก่อจลาจล, สร้างความเดือดร้อน และทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ล้วนเป็นการกระทำที่ต้องห้ามในศาสนาอิสลาม” อับดุล ชูโกร์ ฮูซิน ประธานคณะกรรมการฟัตวาแห่งชาติ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวานนี้(6)

“คำตัดสินนี้ยังครอบคลุมถึงการเดินขบวนโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบธรรม”

คาดกันว่า นายกรัฐมนตรี นาจิบ จะประกาศวันเลือกตั้งภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะเป็นศึกใหญ่ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลของนาจิบ กับพรรคฝ่ายค้านที่นำโดย อันวาร์ อิบราฮิม อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า วันเลือกตั้งอาจถูกเลื่อนออกไปอีก ภายหลังจากที่การประท้วงเมื่อเดือนเมษายนล้มเหลว

แม้คลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนยูทิวบ์จะแสดงให้เห็นถึงการใช้กำลังรุนแรงต่อผู้ประท้วง แต่ นาจิบ ก็ชี้แจงผ่านสำนักข่าวเบอร์นามา เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (4) ว่า การชุมนุมที่จัตุรัสเมอร์เดก้ามีพรรคฝ่ายค้านหนุนหลังอยู่ และ
มิได้มุ่งหมายเพียงปฏิรูปเลือกตั้งเท่านั้น

“พวกเขาต้องการยึดจัตุรัสเมอร์เดก้า และไม่ใช่เพื่อชุมนุม 2-3 ชั่วโมง แต่จะอยู่กัน 2-3 วันหรืออาจนานกว่านั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลคุมสถานการณ์ไม่ได้”

“พวกเขาอยากให้จัตุรัสเมอร์เดก้าเป็นเหมือนจัตุรัสตะห์รีห์ในอียิปต์” นาจิบระบุ

นาจิบ เคยถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงที่ออกคำสั่งให้ตำรวจใช้กำลังปราบผู้ประท้วงเรียกร้องปฏิรูปเลือกตั้งเมื่อ
ปีที่แล้ว จนรัฐบาลต้องประกาศแก้กฎหมายความมั่นคง และสัญญาจะให้เสรีภาพกับพลเมืองมากยิ่งขึ้น