เอเจนซี - นายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์เผย รัฐบาลแคนาดาตั้งงบ 12 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยในการตรวจจับ และป้องกันปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเงินทุนอีกร่วม 7 ล้านดอลลาร์สำหรับการเดินหน้าโครงการต่างๆ ในประเทศไทย
"ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนสำคัญในความพยายามลดการลักลอบค้ามนุษย์ และการก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวในวันสุดท้ายของการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้ (24)
ฮาร์เปอร์เสริมว่า "การสนับสนุนที่ประกาศในวันนี้ จะช่วยให้รัฐบาลไทยสร้างประเทศให้ปลอดภัยมากขึ้น สำหรับทั้งพลเมืองของตน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงทำให้มั่นว่าไทยจะไม่ถูกใช้เป็นแหล่งค้ามนุษย์"
ผู้นำแคนาดาชี้ว่า โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการต่อต้านอาชญากรรม (Anti-Crime Capacity Building Program) จะสามารถขยายไปยังประเทศอื่นๆ ได้ต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลอนุรักษ์นิยมของแคนาดาระบุว่า ไทยเป็นทั้งแหล่งต้นตอ และจุดส่งผ่านของผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ซึ่งมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่แคนาดา โดยในเดือนสิงหาคม ปี 2010 มีเรือบรรทุกชาวทมิฬศรีลังการ่วม 500 คนแล่นเข้าชายฝั่งของแคนาดา และเรือดังกล่าวก็มาจากประเทศไทย ดำเนินการโดยเครือข่ายค้ามนุษย์
"การดำเนินการผิดกฏหมายหลายอย่างถูกสกัด และเรือหลายลำก็ถูกขัดขวางไว้ได้ก่อนที่จะแล่นเข้าชายฝั่งแคนาดา" ฮาร์เปอร์กล่าว
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลแคนาดาได้นำกฏหมายห้ามไม่ให้เรือที่มีผู้ลี้ภัยเข้าประเทศกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะมีบทลงโทษกักขังผู้ลักลอบเข้าเมืองนานร่วมปีทีเดียว
นอกจากนี้ โครงการเพิ่มขีดความสามาถดังกล่าวยังประกอบร่วมเข้ากับแผนการต่อต้านการก่อการร้าย ด้วยการหว่านเงินสดช่วยทางการไทยรับมือกับภัยคุกคามทั้งด้านเคมี ชีวภาพ กัมมันตรังสี และนิวเคลียร์ด้วย
ทั้งนี้ เงินที่เหลือจากงบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้ดังกล่าว ราว 5 ล้านดอลลาร์นั้นจะถูกนำไปใช้ในการฝึกฝนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทั้งในกัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม