(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Taliban face the music in Pakistan
By Ashfaq Yusufzai
19/03/2012
ในแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา ของปากีสถาน ตอนที่ผู้ปกครองยังเป็นพวกพรรคการเมืองที่เดินตามแนวทางของกลุ่มตอลิบาน อย่าได้คิดฝันทีเดียวที่จะทำกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรม ใครก็ตามที่กล้าขัดขืนท้าทาย มีหวังว่าอายุจะไม่ยืนยาวและชีวิตจบสิ้นลงด้วยการถูกฆ่า แต่เมื่อถึงเวลานี้ที่เหตุการณ์การเผาร้านขายแผ่นซีดี, โรงหนัง, และโรงเรียน กลายเป็นเรื่องราวในอดีตไปแล้ว พวกผู้ปกครองแคว้นรุ่นใหม่ก็กำลังวาดหวังที่จะอาศัยพลังของดนตรีและศิลปะนี่แหละ มาทำให้การก่อการร้ายประสบความปราชัย
เปชาวาร์, ปากีสถาน เพียงเมื่อไม่นานมานี้เอง การที่ กุล ปานา (Gul Pana) พยายามทุ่มเทลงแรงอย่างเต็มที่เพื่อเป็นนักร้องอาชีพในแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา (Khyber Pakthunkhwa province ก่อนหน้านี้เคยใช้ชื่อว่า แคว้นชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ North-West Frontier Province ใช้อักษรย่อว่า NWFP เพิ่งมาเปลี่ยนใช้ชื่อปัจจุบันในปี 2010 แคว้นนี้เป็น 1 ใน 4 แคว้นของปากีสถาน พรมแดนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของ ไคเบอร์ปัคตุนควา ติดต่อกับอัฟกานิสถาน ประชากรส่วนใหญ่ของแคว้นเป็นคนชนชาติปัชตุน Pashtun -ผู้แปล) ย่อมไม่ต่างอะไรกับการเชื้อเชิญให้ความตายมาเยือน โดยที่เธอคงจะต้องถูกสังหารด้วยน้ำมือของพวกตอลิบาน
ทว่าเวลาได้เปลี่ยนไปแล้วในปากีสถาน และ กุล ก็ปลาบปลื้มยินดีมากที่รัฐบาลท้องถิ่นซึ่งบริหารแคว้นอยู่ในปัจจุบัน มีความกล้าหาญเพียงพอที่จะยืนท้าทายการปฏิบัติการก่อการร้ายของตอลิบาน และส่งเสริมสนับสนุนรายการแสดงดนตรี ตลอดจนโครงการทางวัฒนธรรมอื่นๆ
“ฉันชื่นชอบดนตรีเหลือเกิน และในเวลาเดียวกัน ฉันยังสามารถหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของฉันด้วยการร้องเพลงอีกด้วย” นักร้องสาวหน้าตาสดสวยผู้นี้บอกกับทางสำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส (Inter Press Service ใช้อักษรย่อว่า IPS) และกล่าวต่อไปว่า “จะมาใช้อำนาจบังคับไม่ให้คนเราฟังเพลงนะไม่มีทางสำเร็จหรอก”
แต่เมื่อตอนที่ มุตตาฮิดะ มัจลิส-ไอ-อามัล (Muttahida Majlis-i-Amal ใช้อักษรย่อว่า MMA ในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า United Council of Action ) อันเป็นกลุ่มพันธมิตรของพวกพรรคการเมืองแนวทางยึดมั่นจารีตทางศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด เป็นผู้ปกครองแคว้นนี้ในช่วงระหว่างปี 2002 จนถึง 2008 โดยที่ได้รับการหนุนหลังจากกองกำลังอาวุธท้องถิ่นของตอลิบาน อย่าได้คิดฝันทีเดียวที่จะทำกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมในไคเบอร์ปัคตุนควา
หลังจากกลุ่มพันธมิตร MMA ปราชัยในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2008 ให้แก่พรรคอะวามิ เนชั่นแนล (Awami National Party ใช้อักษรย่อว่า ANP) ที่เป็นพวกสังคมนิยมฝ่ายซ้าย เหตุการณ์โจมตีด้วยระเบิดของพวกตอลิบาน ต่อร้านขายแผ่นซีดี, โรงหนัง, และโรงเรียนต่างๆ ใน ไคเบอร์ปัคตุนควา ตลอดจนในดินแดน Federally Administered Tribal Areas (FATA ดินแดนนี้ประชากรแทบทั้งหมดเป็นคนชนชาติปัชตุนเผ่าต่างๆ และขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของปากีสถาน) ที่อยู่ประชิดติดกัน ก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะเวลาช่วงสั้นๆ
ในคืนวันที่ 2 มกราคม 2009 ตอลิบานได้ก่อเหตุสังหาร ชาบานา (Shabana) นักระบำหญิงซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบคนหนึ่ง ในอำเภอสวัต (Swat) ของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา การปลิดชีพเธอคราวนี้กระทำอย่างทารุณเหี้ยมโหด จากนั้นก็มัดศพของเธอแขวนไว้กับเสาไฟฟ้า ในปีเดียวกันนั้นเอง นักร้องชายในท้องถิ่นที่ชื่อ กอนี ดัด (Ghani Dad) ก็ถูกฆ่าในอำเภอสวัต ขณะที่เขากำลังเดินทางกลับบ้านภายหลังการแสดงดนตรี
ครั้นแล้วกระแสสถานการณ์ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางเป็นโทษต่อพวกตอลิบาน หลังจากที่กองทัพปากีสถานเปิดยุทธการหลายต่อหลายระลอกเพื่อปราบปรามกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนี้ในอาณาบริเวณแถบนี้เมื่อปี 2009 และทหารสหรัฐฯก็เพิ่มการใช้อากาศยานไร้คนขับ (drone) ออกโจมตีเป้าหมายที่เป็นพวกผู้นำระดับสูงของตอลิบานและอัลกออิดะห์ ซึ่งหลบซ่อนฝังตัวอยู่ในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน
“เราเพิ่งเปิดหอประชุมนิชตาร์ (Nishtar Hall) ซึ่งมีที่นั่ง 600 ที่ สำหรับจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ กันอีกครั้งหนึ่ง และเราต้องการที่จะทำให้พวกผู้ก่อการร้ายต้องพ่ายแพ้ไปโดยอาศัยดนตรีและศิลปะ” มิอัน อิฟติคาร์ ฮุสเซน (Mian Iftikhar Hussain) รัฐมนตรีวัฒนธรรมของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา บอกกับทางสำนักข่าวไอพีเอส
ฮุสเซนต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกลับหัวกลับหางนโยบายต่างๆ ที่เคยใช้ในยุคอดีตรัฐบาล MMA โดยที่ในเวลานั้นมีการสั่งห้ามไม่ให้จัดการแสดงดนตรี และงานทางวัฒนธรรมอย่างอื่นๆ เนื่องจากพวกเขามองว่าสิ่งเหล่านี้ขัดต่อจารีตของอิสลาม
ฮุสเซนกล่าวด้วยว่า การรื้อฟื้นกิจกรรมทางดนตรี และกิจกรรมด้านวัฒนธรรมอื่นๆ ขึ้นมา ยังถือเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ของรัฐบาลท้องถิ่นชุดนี้ ที่จะส่งข้อความออกไปให้ทั่วถึงว่า ชาวปัชตุนนั้นเป็นคนที่รักเสรีและคัดค้านการก่อการร้าย
ในจำนวนประชากร 21 ล้านคนของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา กว่าสองในสามทีเดียวเป็นชาวปัชตุน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่พำนักอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่พรมแดนติดต่อกันระหว่างปากีสถานกับอัฟกานิสถาน และอาณาบริเวณนี้เองก็เป็นฐานสนับสนุนแห่งหลักของพวกตอลิบาน
“หอประชุมนิชตาร์ถูกปิดมา 6 ปีติดต่อกันทีเดียว แต่ตอนนี้กำลังกลายเป็นเวทีจัดงานต่างๆ เป็นประจำ เพื่อให้ผู้คนที่นิยมชมชื่นได้ซาบซึ้งกับดนตรี, ละคร, และกิจกรรมอื่นๆ” ฮุสเซนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอย่างชัดเจนที่สุดถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะเดินหน้าต่อไปของรัฐบาลชุดนี้
การฟื้นฟูคืนชีพโครงการทางด้านวัฒนธรรมตลอดทั่วทั้งแคว้นเช่นนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างปีติยินดีจากชาวปัชตุนผู้อดอยากปากแห้งไม่ได้ชื่นชมรายการบันเทิงเริงใจมานาน ทั้งนี้ชนชาตินี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องประเพณีความนิยมทางด้านดนตรี, ศิลปะ, และการระบำรำฟ้อน
“พวกเราเดินทางมาดูนักร้องและนักระบำยอดนิยมของพวกเรา คืนนี้สนุกสนานมากจริงๆ และพวกเราต่างก็รื่นเริงกันเต็มที่” ซอวาร์ อาลี (Zawar Ali) ชาวอำเภอมาร์เดน (Mardan) 1 ใน 25 อำเภอของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา บอกเล่าความรู้สึก
อาลี ซึ่งมาชมการแสดงดนตรีในช่วงค่ำคืนที่หอประชุมนิชตาร์ พร้อมๆ กับเพื่อนๆ อีก 10 คน กล่าวว่า เขารู้สึกขอบคุณรัฐบาลที่นำโดยพรรค ANP ที่กล้าหาญไม่กลัวเกรงพวกตอลิบาน ผู้ซึ่งเวลานี้กำลังหันไปโจมตีเล่นงานมัสยิดและงานศพต่างๆ
เป็นต้นว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา มือระเบิดฆ่าตัวตายได้เข้าโจมตีงานศพงานหนึ่งในหมู่บ้านบัธเบอร์ (Badhber) ซึ่งตั้งอยู่แถวๆ ชานเมืองเปชาวาร์ สังหารผู้มาร่วมงานศพตายไป 15 คน ขณะที่ คุช ดิล ข่าน (Khush Dil Khan) นักการเมืองพรรค ANP ซึ่งเป็นเป้าหมายจริงๆ ของมือระเบิดรายนี้ รอดมาได้อย่างหวุดหวิด
ปากีสถานนั้นเริ่มต้นได้รับผลกระทบกระเทือนโดยตรงจากการก่อการร้าย หลังจากที่สหรัฐฯขับไล่โค่นล้มการปกครองของตอลิบานในอัฟกานิสถานในช่วงสิ้นปี 2001 โดยที่สหรัฐฯถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของสงครามต่อสู้การก่อการร้ายทั่วโลก ภายหลังเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 ในนิวยอร์กและวอชิงตัน
ครั้นเมื่อรัฐบาลของพวกเขาในกรุงคาบูลถูกโค่นล้มลง คณะผู้นำของตอลิบานก็ได้ลอบข้ามชายแดนเข้ามาในปากีสถาน และรวมกำลังกันอยู่ในดินแดน FATA โดยจากที่นั่นพวกเขาก็ได้เริ่มต้นโจมตีเป้าหมายทั้งสถานที่ต่างๆ ของทางราชการ, โรงเรียน, ตลอดจน ร้านขายเข้าวของเกี่ยวกับดนตรีและแผ่นซีดี
“พวกตอลิบานโจมตีทำลายร้านขายข้าวของเกี่ยวดนตรีและแผ่นซีดีในไคเบอร์ปัคตุนควาไปถึง 600 แห่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พวกเขายังบังคับให้นักร้องจำนวนมากต้องหลบหนีออกไปจากแคว้นนี้” เชอร์ ดิล ข่าน (Sher Dil Khan) นายกสมาคมร้านขายแผ่นซีดีในแคว้นนี้ ให้ข้อมูล
“แต่เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาปกครองไคเบอร์ปัคตุนควา การโจมตีร้านซีดีก็ยุติลง” ข่าน กล่าวต่อ
“ในช่วงที่พวกตอลิบานเรืองอำนาจนั้น นักร้องนักระบำส่วนใหญ่ ตลอดจนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่กับธุรกิจการแสดง ต่างพากันหลบหนีไปจากแคว้นนี้” กุลซาร์ อาลัม (Gulzar Alam) นักร้องชายซึ่งตัวเขาเองก็หนีไปนครการาจีเช่นกัน เล่าบ้าง แต่เวลานี้ กุลซาร์ และนักร้องคนอื่นๆ ต่างเซ็นสัญญาแสดงในรายการทางวัฒนธรรมงานแล้วงานเล่าชนิดไม่มีขาดตอน
รัฐบาลของแคว้นยังถึงกับเริ่มลงมือก่อสร้างสถานที่ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสถาบันสอนเยาวชนผู้มีความสามารถ โดยจะจัดให้มีการฝึกอบรมทั้งในด้านการขับร้อง, การแสดงระบำรำฟ้อน, และการเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ
“มีเยาวชนประมาณ 100 คนแล้วที่แสดงความจำนงจะขอเข้ารับการอบรมในสาขาต่างๆ และเราก็กำลังจะเริ่มต้นโครงการฝึกอบรมในเร็วๆ นี้แล้ว” เปอร์วาอิซ ข่าน ซาบัตเคล (Pervaiz Khan Sabatkhel) ผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรมของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา บอก
แต่ไหนแต่ไรมา แคว้นนี้ก็มีชื่อเสียงในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทางด้านดนตรีและศิลปะ “ประชาชนต่างจัดรายการแสดงดนตรีขึ้นมาในงานแต่งงานของพวกเขาตลอดจนในโอกาสเทศกาลอื่นๆ ไม่มีทางเลยที่จะมาบังคับไม่ให้พวกเขาฟังเพลงหรือดูละคร มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของพวกเขาเสมอมา” ซาบัตเคล กล่าวต่อ
ขณะที่รัฐมนตรีฮุสเซนก็พูดย้ำว่า รัฐบาลของเขากำลังช่วยคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้แก่พวกร้านขายแผ่นซีดีและนักร้องนักระบำทั้งหลาย เพื่อให้พวกเขาสามารถประกอบอาชีพของตนเองได้อย่างปราศจากความหวาดกลัว
“เราได้ทำลายระบบบังคับบัญชาและระบบการควบคุมของพวกตอลิบานให้ขาดสะบั้นลงได้สำเร็จแล้ว และพวกเขาจะไม่สามารถกลับมาได้หรอก เราจึงหวังว่ากิจกรรมทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมจะเพิ่มความคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันข้างหน้า” เขากล่าว
(สำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส)
Taliban face the music in Pakistan
By Ashfaq Yusufzai
19/03/2012
ในแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา ของปากีสถาน ตอนที่ผู้ปกครองยังเป็นพวกพรรคการเมืองที่เดินตามแนวทางของกลุ่มตอลิบาน อย่าได้คิดฝันทีเดียวที่จะทำกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรม ใครก็ตามที่กล้าขัดขืนท้าทาย มีหวังว่าอายุจะไม่ยืนยาวและชีวิตจบสิ้นลงด้วยการถูกฆ่า แต่เมื่อถึงเวลานี้ที่เหตุการณ์การเผาร้านขายแผ่นซีดี, โรงหนัง, และโรงเรียน กลายเป็นเรื่องราวในอดีตไปแล้ว พวกผู้ปกครองแคว้นรุ่นใหม่ก็กำลังวาดหวังที่จะอาศัยพลังของดนตรีและศิลปะนี่แหละ มาทำให้การก่อการร้ายประสบความปราชัย
เปชาวาร์, ปากีสถาน เพียงเมื่อไม่นานมานี้เอง การที่ กุล ปานา (Gul Pana) พยายามทุ่มเทลงแรงอย่างเต็มที่เพื่อเป็นนักร้องอาชีพในแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา (Khyber Pakthunkhwa province ก่อนหน้านี้เคยใช้ชื่อว่า แคว้นชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ North-West Frontier Province ใช้อักษรย่อว่า NWFP เพิ่งมาเปลี่ยนใช้ชื่อปัจจุบันในปี 2010 แคว้นนี้เป็น 1 ใน 4 แคว้นของปากีสถาน พรมแดนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของ ไคเบอร์ปัคตุนควา ติดต่อกับอัฟกานิสถาน ประชากรส่วนใหญ่ของแคว้นเป็นคนชนชาติปัชตุน Pashtun -ผู้แปล) ย่อมไม่ต่างอะไรกับการเชื้อเชิญให้ความตายมาเยือน โดยที่เธอคงจะต้องถูกสังหารด้วยน้ำมือของพวกตอลิบาน
ทว่าเวลาได้เปลี่ยนไปแล้วในปากีสถาน และ กุล ก็ปลาบปลื้มยินดีมากที่รัฐบาลท้องถิ่นซึ่งบริหารแคว้นอยู่ในปัจจุบัน มีความกล้าหาญเพียงพอที่จะยืนท้าทายการปฏิบัติการก่อการร้ายของตอลิบาน และส่งเสริมสนับสนุนรายการแสดงดนตรี ตลอดจนโครงการทางวัฒนธรรมอื่นๆ
“ฉันชื่นชอบดนตรีเหลือเกิน และในเวลาเดียวกัน ฉันยังสามารถหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของฉันด้วยการร้องเพลงอีกด้วย” นักร้องสาวหน้าตาสดสวยผู้นี้บอกกับทางสำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส (Inter Press Service ใช้อักษรย่อว่า IPS) และกล่าวต่อไปว่า “จะมาใช้อำนาจบังคับไม่ให้คนเราฟังเพลงนะไม่มีทางสำเร็จหรอก”
แต่เมื่อตอนที่ มุตตาฮิดะ มัจลิส-ไอ-อามัล (Muttahida Majlis-i-Amal ใช้อักษรย่อว่า MMA ในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า United Council of Action ) อันเป็นกลุ่มพันธมิตรของพวกพรรคการเมืองแนวทางยึดมั่นจารีตทางศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด เป็นผู้ปกครองแคว้นนี้ในช่วงระหว่างปี 2002 จนถึง 2008 โดยที่ได้รับการหนุนหลังจากกองกำลังอาวุธท้องถิ่นของตอลิบาน อย่าได้คิดฝันทีเดียวที่จะทำกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมในไคเบอร์ปัคตุนควา
หลังจากกลุ่มพันธมิตร MMA ปราชัยในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2008 ให้แก่พรรคอะวามิ เนชั่นแนล (Awami National Party ใช้อักษรย่อว่า ANP) ที่เป็นพวกสังคมนิยมฝ่ายซ้าย เหตุการณ์โจมตีด้วยระเบิดของพวกตอลิบาน ต่อร้านขายแผ่นซีดี, โรงหนัง, และโรงเรียนต่างๆ ใน ไคเบอร์ปัคตุนควา ตลอดจนในดินแดน Federally Administered Tribal Areas (FATA ดินแดนนี้ประชากรแทบทั้งหมดเป็นคนชนชาติปัชตุนเผ่าต่างๆ และขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของปากีสถาน) ที่อยู่ประชิดติดกัน ก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะเวลาช่วงสั้นๆ
ในคืนวันที่ 2 มกราคม 2009 ตอลิบานได้ก่อเหตุสังหาร ชาบานา (Shabana) นักระบำหญิงซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบคนหนึ่ง ในอำเภอสวัต (Swat) ของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา การปลิดชีพเธอคราวนี้กระทำอย่างทารุณเหี้ยมโหด จากนั้นก็มัดศพของเธอแขวนไว้กับเสาไฟฟ้า ในปีเดียวกันนั้นเอง นักร้องชายในท้องถิ่นที่ชื่อ กอนี ดัด (Ghani Dad) ก็ถูกฆ่าในอำเภอสวัต ขณะที่เขากำลังเดินทางกลับบ้านภายหลังการแสดงดนตรี
ครั้นแล้วกระแสสถานการณ์ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางเป็นโทษต่อพวกตอลิบาน หลังจากที่กองทัพปากีสถานเปิดยุทธการหลายต่อหลายระลอกเพื่อปราบปรามกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนี้ในอาณาบริเวณแถบนี้เมื่อปี 2009 และทหารสหรัฐฯก็เพิ่มการใช้อากาศยานไร้คนขับ (drone) ออกโจมตีเป้าหมายที่เป็นพวกผู้นำระดับสูงของตอลิบานและอัลกออิดะห์ ซึ่งหลบซ่อนฝังตัวอยู่ในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน
“เราเพิ่งเปิดหอประชุมนิชตาร์ (Nishtar Hall) ซึ่งมีที่นั่ง 600 ที่ สำหรับจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ กันอีกครั้งหนึ่ง และเราต้องการที่จะทำให้พวกผู้ก่อการร้ายต้องพ่ายแพ้ไปโดยอาศัยดนตรีและศิลปะ” มิอัน อิฟติคาร์ ฮุสเซน (Mian Iftikhar Hussain) รัฐมนตรีวัฒนธรรมของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา บอกกับทางสำนักข่าวไอพีเอส
ฮุสเซนต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกลับหัวกลับหางนโยบายต่างๆ ที่เคยใช้ในยุคอดีตรัฐบาล MMA โดยที่ในเวลานั้นมีการสั่งห้ามไม่ให้จัดการแสดงดนตรี และงานทางวัฒนธรรมอย่างอื่นๆ เนื่องจากพวกเขามองว่าสิ่งเหล่านี้ขัดต่อจารีตของอิสลาม
ฮุสเซนกล่าวด้วยว่า การรื้อฟื้นกิจกรรมทางดนตรี และกิจกรรมด้านวัฒนธรรมอื่นๆ ขึ้นมา ยังถือเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ของรัฐบาลท้องถิ่นชุดนี้ ที่จะส่งข้อความออกไปให้ทั่วถึงว่า ชาวปัชตุนนั้นเป็นคนที่รักเสรีและคัดค้านการก่อการร้าย
ในจำนวนประชากร 21 ล้านคนของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา กว่าสองในสามทีเดียวเป็นชาวปัชตุน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่พำนักอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่พรมแดนติดต่อกันระหว่างปากีสถานกับอัฟกานิสถาน และอาณาบริเวณนี้เองก็เป็นฐานสนับสนุนแห่งหลักของพวกตอลิบาน
“หอประชุมนิชตาร์ถูกปิดมา 6 ปีติดต่อกันทีเดียว แต่ตอนนี้กำลังกลายเป็นเวทีจัดงานต่างๆ เป็นประจำ เพื่อให้ผู้คนที่นิยมชมชื่นได้ซาบซึ้งกับดนตรี, ละคร, และกิจกรรมอื่นๆ” ฮุสเซนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอย่างชัดเจนที่สุดถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะเดินหน้าต่อไปของรัฐบาลชุดนี้
การฟื้นฟูคืนชีพโครงการทางด้านวัฒนธรรมตลอดทั่วทั้งแคว้นเช่นนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างปีติยินดีจากชาวปัชตุนผู้อดอยากปากแห้งไม่ได้ชื่นชมรายการบันเทิงเริงใจมานาน ทั้งนี้ชนชาตินี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องประเพณีความนิยมทางด้านดนตรี, ศิลปะ, และการระบำรำฟ้อน
“พวกเราเดินทางมาดูนักร้องและนักระบำยอดนิยมของพวกเรา คืนนี้สนุกสนานมากจริงๆ และพวกเราต่างก็รื่นเริงกันเต็มที่” ซอวาร์ อาลี (Zawar Ali) ชาวอำเภอมาร์เดน (Mardan) 1 ใน 25 อำเภอของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา บอกเล่าความรู้สึก
อาลี ซึ่งมาชมการแสดงดนตรีในช่วงค่ำคืนที่หอประชุมนิชตาร์ พร้อมๆ กับเพื่อนๆ อีก 10 คน กล่าวว่า เขารู้สึกขอบคุณรัฐบาลที่นำโดยพรรค ANP ที่กล้าหาญไม่กลัวเกรงพวกตอลิบาน ผู้ซึ่งเวลานี้กำลังหันไปโจมตีเล่นงานมัสยิดและงานศพต่างๆ
เป็นต้นว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา มือระเบิดฆ่าตัวตายได้เข้าโจมตีงานศพงานหนึ่งในหมู่บ้านบัธเบอร์ (Badhber) ซึ่งตั้งอยู่แถวๆ ชานเมืองเปชาวาร์ สังหารผู้มาร่วมงานศพตายไป 15 คน ขณะที่ คุช ดิล ข่าน (Khush Dil Khan) นักการเมืองพรรค ANP ซึ่งเป็นเป้าหมายจริงๆ ของมือระเบิดรายนี้ รอดมาได้อย่างหวุดหวิด
ปากีสถานนั้นเริ่มต้นได้รับผลกระทบกระเทือนโดยตรงจากการก่อการร้าย หลังจากที่สหรัฐฯขับไล่โค่นล้มการปกครองของตอลิบานในอัฟกานิสถานในช่วงสิ้นปี 2001 โดยที่สหรัฐฯถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของสงครามต่อสู้การก่อการร้ายทั่วโลก ภายหลังเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 ในนิวยอร์กและวอชิงตัน
ครั้นเมื่อรัฐบาลของพวกเขาในกรุงคาบูลถูกโค่นล้มลง คณะผู้นำของตอลิบานก็ได้ลอบข้ามชายแดนเข้ามาในปากีสถาน และรวมกำลังกันอยู่ในดินแดน FATA โดยจากที่นั่นพวกเขาก็ได้เริ่มต้นโจมตีเป้าหมายทั้งสถานที่ต่างๆ ของทางราชการ, โรงเรียน, ตลอดจน ร้านขายเข้าวของเกี่ยวกับดนตรีและแผ่นซีดี
“พวกตอลิบานโจมตีทำลายร้านขายข้าวของเกี่ยวดนตรีและแผ่นซีดีในไคเบอร์ปัคตุนควาไปถึง 600 แห่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พวกเขายังบังคับให้นักร้องจำนวนมากต้องหลบหนีออกไปจากแคว้นนี้” เชอร์ ดิล ข่าน (Sher Dil Khan) นายกสมาคมร้านขายแผ่นซีดีในแคว้นนี้ ให้ข้อมูล
“แต่เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาปกครองไคเบอร์ปัคตุนควา การโจมตีร้านซีดีก็ยุติลง” ข่าน กล่าวต่อ
“ในช่วงที่พวกตอลิบานเรืองอำนาจนั้น นักร้องนักระบำส่วนใหญ่ ตลอดจนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่กับธุรกิจการแสดง ต่างพากันหลบหนีไปจากแคว้นนี้” กุลซาร์ อาลัม (Gulzar Alam) นักร้องชายซึ่งตัวเขาเองก็หนีไปนครการาจีเช่นกัน เล่าบ้าง แต่เวลานี้ กุลซาร์ และนักร้องคนอื่นๆ ต่างเซ็นสัญญาแสดงในรายการทางวัฒนธรรมงานแล้วงานเล่าชนิดไม่มีขาดตอน
รัฐบาลของแคว้นยังถึงกับเริ่มลงมือก่อสร้างสถานที่ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสถาบันสอนเยาวชนผู้มีความสามารถ โดยจะจัดให้มีการฝึกอบรมทั้งในด้านการขับร้อง, การแสดงระบำรำฟ้อน, และการเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ
“มีเยาวชนประมาณ 100 คนแล้วที่แสดงความจำนงจะขอเข้ารับการอบรมในสาขาต่างๆ และเราก็กำลังจะเริ่มต้นโครงการฝึกอบรมในเร็วๆ นี้แล้ว” เปอร์วาอิซ ข่าน ซาบัตเคล (Pervaiz Khan Sabatkhel) ผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรมของแคว้นไคเบอร์ปัคตุนควา บอก
แต่ไหนแต่ไรมา แคว้นนี้ก็มีชื่อเสียงในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทางด้านดนตรีและศิลปะ “ประชาชนต่างจัดรายการแสดงดนตรีขึ้นมาในงานแต่งงานของพวกเขาตลอดจนในโอกาสเทศกาลอื่นๆ ไม่มีทางเลยที่จะมาบังคับไม่ให้พวกเขาฟังเพลงหรือดูละคร มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของพวกเขาเสมอมา” ซาบัตเคล กล่าวต่อ
ขณะที่รัฐมนตรีฮุสเซนก็พูดย้ำว่า รัฐบาลของเขากำลังช่วยคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้แก่พวกร้านขายแผ่นซีดีและนักร้องนักระบำทั้งหลาย เพื่อให้พวกเขาสามารถประกอบอาชีพของตนเองได้อย่างปราศจากความหวาดกลัว
“เราได้ทำลายระบบบังคับบัญชาและระบบการควบคุมของพวกตอลิบานให้ขาดสะบั้นลงได้สำเร็จแล้ว และพวกเขาจะไม่สามารถกลับมาได้หรอก เราจึงหวังว่ากิจกรรมทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมจะเพิ่มความคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันข้างหน้า” เขากล่าว
(สำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส)