เอเอฟพี - กองกำลังเจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียพร้อมด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และยานหุ้มเกราะ ปิดล้อมภายนอกเรือนจำแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี วันนี้ (23) เพื่อปราบปรามเหตุจลาจล ซึ่งนักโทษลุกฮือขึ้นยึดคุกไว้ได้อีกครั้งเป็นคืนที่ 2
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรือนจำที่ถูกขับออกมา รวมทั้งตำรวจ และทหาร ติดอาวุธหนักราว 400 นายใช้เวลาในคืนวันพุธ (22) ที่ผ่านมา รวมตัวกันอยู่ด้านนอกเรือนจำเคโรโบกัน ในเมืองเดนปาซาร์บนเกาะบาหลี ซึ่งมีนักโทษอยู่ราว 1,000 คน ในจำนวนนั้นเป็นผู้ลักลอบค้ายาชาวออสเตรเลีย 12 คน
กองกำลังรักษาความมั่นคงของอิเหนาบุกเข้าไปในคุกแห่งนี้ ซึ่งมีนักโทษอยู่อย่างหนาแน่น โดยต่อสู้และเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ในช่วงบ่ายวันพุธ หลังจากคืนก่อนหน้านั้น มีการก่อจลาจล จุดไฟเผา และขว้างปาก้อนหิน แต่แล้วก็เสียการควบคุมไปอีกครั้งในช่วงดึกคืนที่ผ่านมา
“นักโทษยึดเรือนจำไว้ได้อีกครั้ง ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงต้องยิงกระสุนขึ้นฟ้าเป็นการเตือน” วิง ฮันโดโก โฆษกศูนย์บัญชาการทหารประจำจังหวัดกล่าว และเนื่องด้วยนักโทษปิดกั้นคุกดังกล่าวเอาไว้ ทำให้ยังไม่ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตข้างในหรือไม่
ในเช้าวันนี้มีผู้ได้ยินเสียงระดมยิงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 นาที โดยฝีมือของกองกำลังรักษาความมั่นคง ไม่นานหลังจากนั้นก็มีการโยนคบเพลิงออกมาจากเรือนจำ และตกลงใกล้กับรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง แต่สามารถดับไฟดังกล่าวได้ทันก่อนลุกลาม
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังสนั่นออกจากประตูด้านในของเรือนจำ ก่อนที่ตำรวจเปิดฉากยิง ทว่า หลังจากการระดมยิงดังกล่าวแล้ว ห้องขังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน สลับกับเสียงยิงปืนขึ้นฟ้าของตำรวจเป็นบางครั้ง
เมื่อฟ้าสว่างแล้วในเช้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคลื่อนขบวนรถหุ้มเกราะ และปืนฉีดน้ำแรงดันสูงปิดล้อมอยู่ภายนอกกำแพงเรือนจำ ซึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้ตั้งแต่เกิดการจลาจลครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม การจลาจลคืนแรกนั้นเกิดขึ้นห่างจากฝั่งที่นักโทษออสเตรเลียถูกควบคุมตัวอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุความไม่สงบในคืนที่ 2 นั้นเข้าใกล้ส่วนที่เป็นของนักโทษต่างชาติหรือไม่
ทั้งนี้ นักโทษชาวออสเตรเลียทั้งหมด 12 คนในคุกเคโรโบกัน ซึ่งในจำนวนนั้นได้รับโทษประหาร 2 คน และจำคุกตลอดชีวิต 6 คน ยังปลอดภัยดี หลังการลุกฮือในคืนแรก
สำหรับสาเหตุที่ทำให้นักโทษโกรธแค้นจนก่อจลาจลนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด