เอเอฟพี - ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ามากเป็นประวัติการณ์ในเดือนมกราคม เนื่องจากการนำเข้าเชื้อเพลิงสูงขึ้นเพื่อสนองความต้องการในการใช้พลังงาน หลังเกิดหายนะนิวเคลียร์ปีที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการสินค้าในภูมิภาคยุโรปซึ่งประสบภาวะหนี้สินมหาศาล ตกฮวบ
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยวันนี้ (20) ว่า ยอดการขาดดุลการค้าในเดือนมกราคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.47 ล้านล้านเยน หรือราว 5.72 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกมาในปี 1979
ตัวเลขล่าสุดนี้มากกว่า 3 เท่าของการขาดดุลในปีก่อนหน้าที่ 497,400 ล้านเยน และสูงกว่าสถิติเดิมในเดือนมกราคม ปี 2009 ซึ่งอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่ 967,900 ล้านเยน
การส่งออกโดยรวมของญี่ปุ่นตกลง 9.3% เหลือ 4.5 ล้านล้านเยนในเดือนมกราคม เนื่องด้วยการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ลดลง ขณะที่ผู้ส่งออกพยายามดิ้นรนแก้ปัญหาเงินเยนแข็งค่า ซึ่งทำให้มูลค่ารายได้ที่กลับเข้าประเทศนั้นต่ำลง และทำให้สินค้าของญี่ปุ่นแพงขึ้นในต่างประเทศ
ส่วนตัวเลขการนำเข้านั้นเพิ่มขึ้น 9.8% เป็น 5.98 ล้านล้านเยน โดยการซื้อแก๊ซธรรมชาติเหลวที่พุ่งขึ้นไปถึง 74.3% น้ำมันดิบสูงขึ้น 12.7% และถ่านหินอีก 26.5%
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นต้องประสบกับภาวะขาดดุลการค้ารายปีเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 30 ปี ในปี 2011 ที่ผ่านมา
ด้าน ซาโตชิ โอซานาอิ นักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันวิจัยไดวะชี้ว่า การขาดดุลการค้าน่าจะดำเนินต่อไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง หากปัญหาค่าเงินเยน และความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ยังคงรุนแรง รวมถึงภาวะหนี้สินในยุโรปก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งด้วย
“เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งเสริมการส่งออกของญี่ปุ่นเห็นได้จากการส่งออกรถยนต์ให้สหรัฐฯ สูงขึ้น แต่ความต้องการจากยุโรปกลับอ่อนลง” โอซานาอิเสริม
จำนวนเกินดุลของญี่ปุ่นกับสหภาพยุโรปในเดือนมกราคมนั้นดิ่งลงถึง 98.9% เหลือ 700 ล้านเยน เนื่องจากการส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ลดลง ขณะที่กับสหรัฐฯ ตัวเลขการค้าของญี่ปุ่นก็ลดลง 7.6% เหลือ 265,300 ล้านเยน