สถานการณ์อิหร่านดันน้ำมันพุ่ง - หุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกจากข้อมูลแรงงาน

เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันยังขยับขึ้นต่อเนื่องวานนี้ (16) หลังความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกก่อความกังวลต่ออุปทาน ขณะที่วอลล์สตรีทก็พุ่งแรงจากปัจจัยหนุนของตัวเลขภาคแรงงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 51 เซ็นต์ ปิดที่ 102.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 120.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ในช่วงต้นของการซื้อขายราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์ก ปรับลดลงถึง 1 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม จากนั้นก็ดีดตัวขึ้นอย่างแรงและปิดในแดนบวก ตามหลังข้อมูลผู้รับสิทธิประโยชน์คนว่างงานและตัวเลขการก่อสร้างอันสดใสในสหรัฐฯ ที่สร้างมุมมองทางบวกต่อปุสงค์พลังงานภายในประเทศ

ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบทางบวกเพิ่มเติมต่อราคาน้ำมันตลาดลอนดอนที่พุ่งทะยานตั้งแต่ต้นและปิดบวกเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันและแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนวานนี้ (16) จากความกังวลต่อปัญหาอุปทานจากความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก ขณะที่เตหะรานขู่ระงับการส่งออกไปยัง 6 ชาติอียู ตอบโต้ที่มีมาตรการคว่ำบาตรยุติการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้(16) ปิดบวกอย่างแรง ได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานที่ลดลงและข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 เลยทีเดียว

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 122.76 จุด (0.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,903.71 แนสแดค เพิ่มขึ้น 44.02 จุด (1.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,959.85 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.82 จุด (1.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,358.05

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับข้อมูลทางเศรษฐกิจอันสดใสของประเทศ หลังจากกระทรวงแรงงานระบุว่ายอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงต่ำสุดนับแตั้งแต่เดือนมีนาคม 2008 และยอดการก่อสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม ยืนยันว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนเปลี้ยกำลังฟื้นตัว