วอลล์สตรีทเจอร์นัล - บริษัทประกันวินาศภัยรายใหญ่ 3 แห่งของญี่ปุ่น เอ็มเอส แอนด์ เอดี อินชัวรันส์, โตเกียวมารีนโฮลดิงส์ และ เอ็นเคเอสเจ ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักในช่วงเดือนเมษายน-ธันวาคม ปีที่ผ่านมา โดยต้องจ่ายค่าสินไหมให้แก่บริษัทแดนปลาดิบ ที่ประสบภัยน้ำท่วมในไทย เป็นจำนวนเงินถึง 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โตเกียวมารีน ซึ่งถือเป็นบริษัทประกันวินาศภัยรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เมื่อพิจารณาจากรายได้เผยในวันอังคาร (14) ว่า ทางบริษัทขาดทุนสุทธิ 19,710 ล้านเยน ในเวลา 9 เดือนนั้น จากที่มีกำไรในช่วงต้นปี 138,970 ล้านเยน และคาดว่า จะต้องจ่ายเงินชดเชยเนื่องจากอุทกภัยในไทยถึง 110,000 ล้านเยน
ส่วน เอ็มเอส แอนด์ เอดี บริษัทประกันภัยอันดับ 2 ของประเทศ พบว่า ขาดทุน 203,000 ล้านเยน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีกำไร 58,400 ล้านเยน หลังการรวมตัวกับกลุ่มบริษัท มิตซุย ซูมิโตโม อินชัวรันส์, ไอโออิ อินชันรันส์ และ นิสเซย์ โดวะ เจเนอรัล อินชัวรันส์ ในปี 2010 โดยคาดว่าค่าสินไหมสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมน่าจะอยู่ราว 236,000 ล้านเยน
ขณะที่บริษัทประกันภัยอันดับ 3 อย่างเอ็นเคเอสเจ โฮลดิงส์ ซึ่งตั้งขึ้นจากการรวมตัวของซอมโป เจแปน อินชัวรันส์ และ นิปปอนโกอา อินชัวรันส์ ในปี 2010 ประสบภาวะขาดทุน 147,000 ล้านเยน เมื่อเทียบกับปี 2010 ที่ได้กำไร 24,850 ล้านเยน โดยน่าจะต้องชดใช้ค่าความเสียหายจากภัยพิบัติของไทยร่วม 100,000 ล้านเยน
สำหรับประเทศไทยนั้นเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ กล้องถ่ายรูป และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่น โดยมีบริษัทถึง 450 แห่งตั้งโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่ง
เมื่อเทียบกับอุทกภัยในไทยแล้ว ผลกระทบจากมหาภัยพิบัติแผ่นดินไหว และสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่บริษัทประกันภัยเหล่านี้ได้รับนั้นถือว่าค่อนข้างเล็กน้อย เนื่องจากรัฐบาลโตเกียว และบริษัทประกันภัยต่อ รวมถึงบริษัทภัยตนเอง ช่วยออกค่าชดเชยให้กับบรรดาผู้ถือกรมธรรม์