ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ความเป็นไปได้ที่ศึกชิงทำเนียบขาวปี 2012 นี้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามาจากพรรคเดโมแครต และมิต รอมนีย์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันนั้นเริ่มมีมากขึ้น หลังการเลือกตั้งขั้นต้นแบบไพรมารีที่มลรัฐฟลอริดาเมื่อวันอังคาร (31 ม.ค.) ที่ผ่านมา รอมนีย์ได้รับชัยชนะ และกลายเป็นแคนดิเดตของพรรครีพับลิกันที่มีแววที่สุดที่จะได้ลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง อันเป็นการเผชิญหน้าที่ทีมหาเสียงของโอบามาเองก็คาดหมายมาเสมอ โดยต่างฝ่ายต่างเปิดฉากปะทะฝีปากสาดโคลนกันอย่างดุเดือด
ทั้งนี้ รอมนีย์ ได้คะแนนจากการหยั่งเสียงในฟลอริดาไป 46% ทิ้งห่าง อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นิวต์ กิงกริช ผู้สมัครที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนน 32% ส่วน ริก แซนโทรัม อดีตวุฒิสมาชิกจากเพนซิลเวเนียได้ที่ 3 ด้วยคะแนน 13% และรอน พอล สมาชิกรัฐสภาจากเทกซัสได้ที่ 4 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายในการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งล่าสุดด้วยคะแนนแค่ 7% โดยชัยชนะที่ชัดเจนของรอมนีย์ครั้งนี้แสดงให้เห็นจุดแข็งในสนามเลือกตั้งสำคัญของเขา
กิงกริชต้องเจองานหนักอึ้งสำหรับความพยายามที่จะตีตื้นกลับขึ้นมา หลังจากต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาสามารถทำให้ชาวพรรครีพับลิกันช็อกไปตามๆ กันจากการเอาชนะรอมนีย์ที่มลรัฐเซาท์แคโรไลนาได้ แต่เสียงสนับสนุนของเขากลับแผ่วลงอย่างรวดเร็วในฟลอริดา และแม้ว่าเขาได้แพ้ราบคาบในการหยั่งเสียงครั้งนี้ แต่ก็ยังสัญญาว่าจะต่อสู้อย่างหนักจนถึงการประชุมใหญ่ในวันที่ 27-30 สิงหาคม ซึ่งจะมีการประกาศชื่อตัวแทนพรรคเพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ โดยหวังอีกว่าแซนโทรัมจะถอนตัว เพราะเชื่อว่าฐานเสียงในสายอนุรักษนิยมจะหันมาสนับสนุนตนเพื่อชนกับรอมนีย์
อย่างไรก็ตาม แซนโทรัมยังไม่มีทีท่ายอมแพ้ง่ายๆ แถมประกาศตนเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มอนุรักษนิยมแข่งกับกิงกริชอีกต่างหาก โดยเดินหน้าไปปักหลักที่เนวาดา ซึ่งจะมีการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งต่อไปในวันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์(พร้อมกับรัฐเมน) แล้ว หลังถอนตัวจากการหยั่งเสียงในฟลอริดาเนื่องจากมีทุนจำกัด ส่วน สส.พอล ซึ่งรั้งมาเป็นอันดับสุดท้ายก็ยังหวังว่าจะสามารถเก็บคะแนนได้มากกว่าที่ผ่านมา ในการแข่งขันในมลรัฐถัดๆ ไป ที่ยังเหลือสนามแข่งอีก 7 รัฐใน 4 สัปดาห์ข้างหน้า
รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการมลรัฐแมสซาชูเสตส์ และมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากการเป็นนักลงทุน ได้กล่าวปราศรัยประกาศชัยชนะคราวนี้ โดยไม่เพียงแต่โจมตีคู่แข่งร่วมพรรคเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความล้มเหลวของโอบามา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขเศรษฐกิจ ผลักดันนโยบายขึ้นภาษี ขัดขวางการทำธุรกิจด้วยกฏระเบียบต่างๆ ปฏิเสธการใช้แหล่งพลังงานของประเทศ และปล่อยให้จีนแซงหน้าสหรัฐฯ ไปได้ พร้อมกับเรียกร้องชาวอเมริกันให้ช่วยกันขับไล่โอบามาออกจากทำเนียบขาวในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน รวมถึงตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า เขาสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้จากประสบการณ์ผู้บริหารบริษัทลงทุน และอดีตผู้ว่าการแมสซาชูเสตส์
“ประธานาธิบดีคนนี้ไม่เข้าใจว่าเศรษฐกิจทำงานอย่างไร แต่ผมรู้ เพราะผมใช้เวลาทั้งชีวิตในเรื่องเศรษฐกิจ” รอมนีย์กล่าว และว่า “ผมจะเปิดตลาดสำหรับสินค้าของพวกเรา ใช้พลังงานของพวกเรา ใช้กฏหมายที่ถูกต้อง และเรียกเก็บภาษีอย่างเหมาะสม”
ด้านทีมหาเสียงของผู้นำสหรัฐฯ ก็โต้กลับอย่างรวดเร็ว โดยแย้งว่าการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้แทนอย่างดุเดือดภายในพรรครีพับลิกันเองนั่นแหละกำลังทำให้โอกาสในการเลือกตั้งของรอมนีย์นั้นถดถอยลง ซึ่งชัยชนะของเขาในฟลอริดานั้นต้องทุ่มค่าโฆษณาเพื่อโจมตีกิงกริชในประเด็นจริยธรรม ด้วยการตอกย้ำเรื่องที่กิงกริชเคยทำงานเป็นที่ปรึกษากินเงินเดือนก้อนโตให้เฟร็ดดี้ แม็ก บริษัทสินเชื่อบ้านยักษ์ใหญ่ที่บางคนกล่าวหาว่า มีส่วนทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยล่มเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไปถึง 15 ล้านดอลลาร์ทีเดียว และที่เป็นไปในทางลบกว่านั้นก็คือ การหาเสียงที่ค่อนข้างเอียงขวามากเกินไปจะทำให้เขาเสียคะแนนจากกลุ่มคะแนนเสียงที่คาดเดาได้ยาก หรือผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด (swing vote) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อผลการเลือกตั้งอย่างมากทีเดียว
ในผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มสวิงโหวตล่าสุดนั้นสนับสนุนมุมมองที่ว่า รอมนีย์จะได้ประโยชน์หากยุติการแข่งขันอันเผ็ดร้อนภายในพรรครีพับลิกันโดยเร็วที่สุด ขณะที่โพลของเอบีซีนิวส์ร่วมกับวอชิงตันโพสต์ในสัปดาห์ก่อนหน้าชี้ว่า คะแนนผู้ออกเสียงอิสระที่ไม่พอใจในตัวรอมนีย์นั้นพุ่งไปถึง 51% แต่คะแนนนิยมของเขากลับตกลงเหลือแค่ 23% ส่วนโอบามาเองก็เหมือนจะมีปัญหากับคนกลุ่มผู้ออกเสียงอิสระ ซึ่งเคยสนับสนุนเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2008 เช่นกัน โดยโพลของนิวยอร์กไทมส์/ซีบีเอสในเดือนที่แล้ว ระบุว่าคะแนนนิยมในตัวผู้นำสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ 31% เท่านั้น
ขณะที่รอมนีย์ง่วนอยู่กับการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน ซึ่งสถานะของเขากำลังเหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ โดยมีทั้งเงินทุนก้อนโต และองค์กรการเมืองคอยหนุนหลัง โอบามาเองก็พยายามที่จะกำหนดกรอบทางเลือกอื่นๆ ในการหาเสียง เนื่องจากเขารู้ตัวว่าอาจพ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ได้ หากยังฝืนใช้ประเด็นเศรษฐกิจมาใช้เรียกความศรัทธาจากชาวอเมริกันต่อไป.
ทั้งนี้ รอมนีย์ ได้คะแนนจากการหยั่งเสียงในฟลอริดาไป 46% ทิ้งห่าง อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นิวต์ กิงกริช ผู้สมัครที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนน 32% ส่วน ริก แซนโทรัม อดีตวุฒิสมาชิกจากเพนซิลเวเนียได้ที่ 3 ด้วยคะแนน 13% และรอน พอล สมาชิกรัฐสภาจากเทกซัสได้ที่ 4 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายในการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งล่าสุดด้วยคะแนนแค่ 7% โดยชัยชนะที่ชัดเจนของรอมนีย์ครั้งนี้แสดงให้เห็นจุดแข็งในสนามเลือกตั้งสำคัญของเขา
กิงกริชต้องเจองานหนักอึ้งสำหรับความพยายามที่จะตีตื้นกลับขึ้นมา หลังจากต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาสามารถทำให้ชาวพรรครีพับลิกันช็อกไปตามๆ กันจากการเอาชนะรอมนีย์ที่มลรัฐเซาท์แคโรไลนาได้ แต่เสียงสนับสนุนของเขากลับแผ่วลงอย่างรวดเร็วในฟลอริดา และแม้ว่าเขาได้แพ้ราบคาบในการหยั่งเสียงครั้งนี้ แต่ก็ยังสัญญาว่าจะต่อสู้อย่างหนักจนถึงการประชุมใหญ่ในวันที่ 27-30 สิงหาคม ซึ่งจะมีการประกาศชื่อตัวแทนพรรคเพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ โดยหวังอีกว่าแซนโทรัมจะถอนตัว เพราะเชื่อว่าฐานเสียงในสายอนุรักษนิยมจะหันมาสนับสนุนตนเพื่อชนกับรอมนีย์
อย่างไรก็ตาม แซนโทรัมยังไม่มีทีท่ายอมแพ้ง่ายๆ แถมประกาศตนเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มอนุรักษนิยมแข่งกับกิงกริชอีกต่างหาก โดยเดินหน้าไปปักหลักที่เนวาดา ซึ่งจะมีการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งต่อไปในวันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์(พร้อมกับรัฐเมน) แล้ว หลังถอนตัวจากการหยั่งเสียงในฟลอริดาเนื่องจากมีทุนจำกัด ส่วน สส.พอล ซึ่งรั้งมาเป็นอันดับสุดท้ายก็ยังหวังว่าจะสามารถเก็บคะแนนได้มากกว่าที่ผ่านมา ในการแข่งขันในมลรัฐถัดๆ ไป ที่ยังเหลือสนามแข่งอีก 7 รัฐใน 4 สัปดาห์ข้างหน้า
รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการมลรัฐแมสซาชูเสตส์ และมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากการเป็นนักลงทุน ได้กล่าวปราศรัยประกาศชัยชนะคราวนี้ โดยไม่เพียงแต่โจมตีคู่แข่งร่วมพรรคเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความล้มเหลวของโอบามา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขเศรษฐกิจ ผลักดันนโยบายขึ้นภาษี ขัดขวางการทำธุรกิจด้วยกฏระเบียบต่างๆ ปฏิเสธการใช้แหล่งพลังงานของประเทศ และปล่อยให้จีนแซงหน้าสหรัฐฯ ไปได้ พร้อมกับเรียกร้องชาวอเมริกันให้ช่วยกันขับไล่โอบามาออกจากทำเนียบขาวในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน รวมถึงตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า เขาสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้จากประสบการณ์ผู้บริหารบริษัทลงทุน และอดีตผู้ว่าการแมสซาชูเสตส์
“ประธานาธิบดีคนนี้ไม่เข้าใจว่าเศรษฐกิจทำงานอย่างไร แต่ผมรู้ เพราะผมใช้เวลาทั้งชีวิตในเรื่องเศรษฐกิจ” รอมนีย์กล่าว และว่า “ผมจะเปิดตลาดสำหรับสินค้าของพวกเรา ใช้พลังงานของพวกเรา ใช้กฏหมายที่ถูกต้อง และเรียกเก็บภาษีอย่างเหมาะสม”
ด้านทีมหาเสียงของผู้นำสหรัฐฯ ก็โต้กลับอย่างรวดเร็ว โดยแย้งว่าการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้แทนอย่างดุเดือดภายในพรรครีพับลิกันเองนั่นแหละกำลังทำให้โอกาสในการเลือกตั้งของรอมนีย์นั้นถดถอยลง ซึ่งชัยชนะของเขาในฟลอริดานั้นต้องทุ่มค่าโฆษณาเพื่อโจมตีกิงกริชในประเด็นจริยธรรม ด้วยการตอกย้ำเรื่องที่กิงกริชเคยทำงานเป็นที่ปรึกษากินเงินเดือนก้อนโตให้เฟร็ดดี้ แม็ก บริษัทสินเชื่อบ้านยักษ์ใหญ่ที่บางคนกล่าวหาว่า มีส่วนทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยล่มเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไปถึง 15 ล้านดอลลาร์ทีเดียว และที่เป็นไปในทางลบกว่านั้นก็คือ การหาเสียงที่ค่อนข้างเอียงขวามากเกินไปจะทำให้เขาเสียคะแนนจากกลุ่มคะแนนเสียงที่คาดเดาได้ยาก หรือผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด (swing vote) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อผลการเลือกตั้งอย่างมากทีเดียว
ในผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มสวิงโหวตล่าสุดนั้นสนับสนุนมุมมองที่ว่า รอมนีย์จะได้ประโยชน์หากยุติการแข่งขันอันเผ็ดร้อนภายในพรรครีพับลิกันโดยเร็วที่สุด ขณะที่โพลของเอบีซีนิวส์ร่วมกับวอชิงตันโพสต์ในสัปดาห์ก่อนหน้าชี้ว่า คะแนนผู้ออกเสียงอิสระที่ไม่พอใจในตัวรอมนีย์นั้นพุ่งไปถึง 51% แต่คะแนนนิยมของเขากลับตกลงเหลือแค่ 23% ส่วนโอบามาเองก็เหมือนจะมีปัญหากับคนกลุ่มผู้ออกเสียงอิสระ ซึ่งเคยสนับสนุนเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2008 เช่นกัน โดยโพลของนิวยอร์กไทมส์/ซีบีเอสในเดือนที่แล้ว ระบุว่าคะแนนนิยมในตัวผู้นำสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ 31% เท่านั้น
ขณะที่รอมนีย์ง่วนอยู่กับการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน ซึ่งสถานะของเขากำลังเหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ โดยมีทั้งเงินทุนก้อนโต และองค์กรการเมืองคอยหนุนหลัง โอบามาเองก็พยายามที่จะกำหนดกรอบทางเลือกอื่นๆ ในการหาเสียง เนื่องจากเขารู้ตัวว่าอาจพ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ได้ หากยังฝืนใช้ประเด็นเศรษฐกิจมาใช้เรียกความศรัทธาจากชาวอเมริกันต่อไป.