ซีเอ็นเอ็น/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เหล่าผู้โดยสารที่รอดชีวิตจากเรือสำราญ “กอสตา กอนกอร์เดีย” ซึ่งเกยหินปะการังและอับปางลงใกล้กับเกาะจีกลีโอ ทางตะวันตกของอิตาลี เปิดใจถึงนาทีชีวิตที่ติดอยู่บนดาดฟ้าเรือ เฝ้ารอความช่วยเหลือจากลูกเรือที่ดูเหมือนไม่สามารถพึ่งพาได้ ซีเอ็นเอ็นรายงานบทสัมภาษณ์ วานนี้ (15)
ความคิดวูบแรก วิเวียน เชเฟอร์ นึกว่า ทางเรือกอนกอร์เดียกำลังจัดการแสดงมายากล โดยระหว่างโชว์มีเปิด-ปิดไฟ และปล่อยควัน “พวกเราจึงไม่รู้ตัว” ว่า เรือกำลังจะล่ม
เชเฟอร์ กับเพื่อนตัดสินใจกลับไปนอนพักที่ห้อง ทั้งๆ ที่เรือเริ่มสั่นไปทั้งลำ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ประกาศว่า “มีปัญหาเล็กน้อย” ต่อมามีเสียงประกาศในนามของกัปตันว่า ระบบไฟฟ้ามีปัญหา และจะแก้ไขโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น มีการประกาศเกี่ยวกับเรื่องเรือชูชีพ และจุดรวมตัวของผู้โดยสารตามมา เชเฟอร์ รู้ในทันทีว่า สถานการณ์บนกอสตา กอนกอร์เดีย เรือสำราญที่มีห้องพักกว่า 1,500 ห้อง ไม่ปกติอีกต่อไป เธอกับเพื่อนลุกขึ้นแต่งตัว หยิบเสื้อชูชีพมาสวม และออกจากห้องพักมาพบกับความโกลาหล
“เราแค่จะออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ... แต่ให้ตายเถอะ ฉันเห็นคนบางส่วนลงไปอยู่ในเรือชูชีพแล้ว” วิเวียน เชเฟอร์ เล่า
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย หลังจากเรือกอสตา กอนกอร์เดีย เกยหินปะการังบริเวณเกาะจีกลีโอ แคว้นทัสกานี เมื่อคืนวันศุกร์ (13) และยังมีผู้สูญหายอีกหลายสิบราย
เหล่าผู้รอดชีวิตล้วนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุชุลมุนแย่งกันลงเรือชูชีพ ซึ่งลูกเรือไม่สามารถจัดการ และแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายได้แม้แต่น้อย
“ไม่มีใครคอยช่วยเหลือคุณ” เชเฟอร์ กล่าวตัดพ้อ “พวกผู้โดยสารต้องหาทางลงเรือชูชีพด้วยตัวเอง”
ในสถานการณ์ที่เรือกำลังเอียงกระเท่เร่ไปฝั่งหนึ่ง ผู้โดยสารลงเรือหนีตายได้เพียงฝั่งเดียว ลอรี วิลลิตส์ ชาวแคนาดาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ย้อนความทรงจำว่า เรือชูชีพบางลำเกิดติดขัดระหว่างหย่อนลงน้ำ ทำให้คนบนเรือชูชีพดูเหมือนถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางเสียงเด็กร้องระงมไปทั่ว
แบรนดอน วอร์ริค ซึ่งลงเรือกอนกอร์เดียมากับครอบครัว เล่าว่า “มีคนเยอะมาก ไม่มีที่ว่างบนเรือชูชีพเหลือให้เรา ... ผู้คนแย่งกันลงเรืออย่างบ้าคลั่ง ไม่มีใครทำตามกฎ พวกลูกเรือก็ตะโกนใส่ผู้โดยสารให้รอเรือกลับมาอีกรอบ”
วอร์ริค ตัดสินใจให้ครอบครัวของเขารออยู่บนดาดฟ้าเรือกอนกอร์เดีย เนื่องจากไม่ต้องการให้สถานการณ์ชุลมุนและเลวร้ายมากกว่านั้น
อะแมนดา วอร์ริค น้องสาวของเขา เล่าว่า เธอคิดว่าคงไม่มีชีวิตรอด หลังจากต้องรอเรือชูชีพนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง “ฉันยังจำได้ถึงตอนยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ … แทบไม่มีคนเหลืออยู่แล้ว” เธอบอกว่าไม่เห็นลูกเรือเหลืออยู่เลยสักคนเดียว “กระทั่งนาทีสุดท้าย” พวกเขาเล่าว่า ก็ยังไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไร หรือจะมีใครมาช่วยหรือไม่
ตอนที่เรือเอียงกระทั่งจมน้ำไปแล้วฝั่งหนึ่ง “เราต้องเกาะราวอีกฝั่งไว้ ไม่ให้ตกลงไป” แบรนดอน วอร์ริค เล่าฉากนาทีชีวิต
ด้าน วิเวียน เชเฟอร์ กล่าวว่า ความช่วยเหลืออย่างเดียวที่ได้รับ คือ ลูกเรือที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งบอกให้เธอรัดเสื้อชูชีพให้แน่นๆ
“ฉันผิดหวังและประหลาดใจมาก ลูกเรือยังเป็นเด็ก” ซึ่งดูไม่น่าจะรับมือกับสถานการณ์ชุลมุนได้ เชเฟอร์เห็นว่า อย่างน้อยผู้โดยสารควรได้รับแจ้งให้หยิบเสื้อผ้าหนาๆ กับรองเท้า ติดมือมาด้วย
รอนดา โรเซนธาล เพื่อนของเชเฟอร์ เล่าว่า เธอต้องรออย่างน้อย 40 นาที กว่าจะได้ลงเรือชูชีพ และเมื่อได้เรือ คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในเรือก่อนก็ยังแสดงท่าทางไม่พอใจเธอสองคน เนื่องจากเรือชูชีพมีคนแน่นมาก
เบนจิ สมิธ อีกหนึ่งผู้โดยสารที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง เปิดเผยว่า เขาหาเชือกมาทำบันไดลิงด้วยตัวเองตามวิธีเอาตัวรอดที่เห็นมาจากโทรทัศน์ เพื่อช่วยให้เขาและภรรยาหนีออกจากเรือที่กำลังอับปาง “ผมรู้สึกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เราสามารถรับมือได้ แต่เหมือนลูกเรือต่างหากที่กำลังจะฆ่าเรา”