เอเจนซี - ฟิลิปป์ ฮิลเดบรันด์ ประธานธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งโดยมีผลทันที ในวันจันทร์ (9) เนื่องจากเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายเงินตราต่างประเทศของภรรยา และเพื่อต้องการปกป้องความซื่อตรงของสถาบัน
การตัดสินใจลงจากตำแหน่งประธานธนาคารชั้นนำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หลังทำหน้าที่ได้ 2 ปีนั้น เกิดขึ้นขณะเดียวกับที่รัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์เรียกประชุมหารือกันถึงข่าวอื้อฉาว ซึ่งถูกเปิดโปงในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากธนาคารซาราซินไล่พนักงาน ที่ปล่อยข้อมูลการซื้อขายดังกล่าวให้กับนักการเมืองฝ่ายค้านออกไป 1 คน
คัชยา ภรรยาของฮิลเดบรันด์ และอดีตเทรดเดอร์กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งปัจจุบันทำกิจการอาร์ตแกลอรีในเมืองซูริค ได้ซื้อเงินดอลลาร์ที่ตีเป็นมูลค่า 400,000 ฟรังก์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 3 สัปดาห์ก่อนที่สามีของเธอประกาศลดค่าเงินฟรังก์ ซึ่งทำให้เธอขายเงินดอลลาร์ได้ในราคาสูงภายหลังจากนั้น
ในการแถลงข่าวเมื่อ 4 วันก่อน ฮิลเดบรันด์ ยืนกรานว่า จะไม่ลาออกตามข้อเรียกร้อง โดยชี้แจงว่า เขาเพิ่งรู้เกี่ยวกับการซื้อขายเงินดอลลาร์ของภรรยาหลังจากเธอดำเนินการไปแล้ว ทั้งยังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเขาอนุญาตให้มีข้อตกลงการเงินนั้นเป็นการส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น เขาก็ออกมาประกาศว่า ไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันได้ว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขายที่อื้อฉาวดังกล่าว และตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธาน เนื่องจากตระหนักถึงการตรวจสอบอย่างละเอียด ที่กำลังลดความน่าเชื่อถือของเขา
“ผมได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหาหลักฐานอันเป็นที่ยุติ และท้ายสุด ที่ว่าภรรยาของผมดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม โดยที่ผมไม่รู้เรื่อง” เขากล่าว
“ความจริงคือ คำพูดของผมเป็นสิ่งรับประกัน ผมไม่รู้การดำเนินการของภรรยาของผมในวันนั้นเลย” เขายืนยัน
ฮิลเดบรันด์ วัย 48 ปี ซึ่งร่วมทำงานกับธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ปี 2003 หลังทำงานกับ มัวร์ แคปิตอล กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของสหรัฐฯ เคยได้รับการยกย่องในความช่วยกู้วิกฤตแบงก์ยูบีเอส ในปี 2008 แต่ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักเมื่อแบงก์ชาติขาดทุนทำสถิติจนต้องหาทางลดค่าเงินฟรังก์ลงในปี 2010
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ข่าวอื้อฉาวนี้จะแพร่สะพัด เขาก็กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง หลังแบงก์ชาติสวิสสามารถระงับการแข็งค่าของเงินฟรังก์ได้ โดยไม่ต้องใช้การอัดฉีดเงินก้อนโตเพื่อแทรกแซง อีกทั้งรัฐสภาก็ยังเห็นชอบมาตรการเงินทุนธนาคารฉบับใหม่ที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งเขาเป็นผู้สนับสนุนด้วย