เอเอฟพี - สายการบิน แควนตัส และ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสาร โดยยืนยันวันนี้(6)ว่า รอยแตกที่พบบริเวณปีกเครื่องบินแอร์บัส รุ่น เอ380 หลายลำ ซึ่งรวมถึงบางลำในฝูงบินของทั้ง 2 สายการบินด้วยนั้น ไม่กระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยแต่อย่างใด
แอร์บัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินซูเปอร์จัมโบรุ่นดังกล่าว เผยวานนี้(5)ว่า มีการตรวจพบ “รอยแตกเล็กๆ” บนเครื่องบินจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัย พร้อมแนะวิธีซ่อมแซมแล้ว ขณะที่ แควนตัส ยอมรับว่า พบรอยร้าวลักษณะเดียวกันบนเครื่อง เอ380 ลำหนึ่งในฝูงบินของตน
“เราตรวจพบรอยแตกเล็กน้อยบนเอ็นปีกเครื่องบิน เอ 380 ของแควนตัส ซึ่งอยู่ระหว่างซ่อมแซมในสิงคโปร์” โฆษกหญิงของแควนตัส ระบุในถ้อยแถลง
“ขณะนี้สายการบินอื่นๆที่ใช้ เอ380 ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการฉุกเฉินใดๆ เพราะรอยแตกไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน”
เจ้าหน้าที่พบรอยแตกซึ่งมีความยาวไม่ถึง 1 เซนติเมตร และแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า บนเครื่องบินแควนตัสที่ประสบปัญหาเครื่องยนต์ระเบิดกลางอากาศ ขณะเดินทางออกจากสิงคโปร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2010
“ทีมตรวจสอบพบว่า รอยแตกนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเครื่องยนต์ระเบิด” โฆษกแควนตัสเผย พร้อมยืนยันว่าได้ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว
ด้านสายการบินคู่แข่งอย่าง สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ก็ยอมรับเช่นกันว่า พบรอยแตกบนปีกเครื่องบิน เอ380 จำนวน 2 ลำเมื่อปีที่แล้ว
“เราพบรอยแตกบนเอ็นปีกเครื่องบิน เอ 380 ระหว่างตรวจเช็คสภาพในครึ่งปีหลัง... ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย และได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว”
แควนตัส ยืนยันว่า พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำจาก แอร์บัส ที่ให้ทุกสายการบินซึ่งใช้ เอ380 ตรวจสภาพเอ็นปีกเครื่องบินทุกๆ 4 ปี
อย่างไรก็ตาม สมาคมวิศวกรการบินออสเตรเลีย ชี้ว่า ควรตรวจสอบ เอ 380 ทุกลำว่ามีรอยแตกบริเวณเอ็นปีกหรือไม่โดยเร็วที่สุด
“หากเอ็นปีกชิ้นหนึ่งเสียหายขณะขึ้นบิน จะทำให้เอ็นปีกชิ้นอื่นๆซึ่งอาจจะมีรอยแตกเช่นกันต้องรับน้ำหนักมากขึ้น” สตีฟ เพอร์วินาส เลขาธิการสมาคม กล่าว
“พวกเขาควรตรวจสอบเครื่อง เอ 380 ทุกลำ และซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์”
แอร์บัส เอ 380 เป็นเครื่องบินโดยสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน และเป็นนวัตกรรมชิ้นเอกของ แอร์บัส ซึ่งพยายามแข่งขันกับ โบอิ้ง เพื่อให้ได้เป็นผู้ผลิตอากาศยานอันดับ 1 ของโลก