xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีใต้เดินหน้าตั้ง “กองทุนรวมชาติ” หลังสิ้นสุดยุค “คิมจองอิล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยู วู-อิก รัฐมนตรีกระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ (ภาพ: www.bloomberg.com)
เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์- รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศจะตั้งกองทุนรวมชาติภายในปีนี้ เพื่อเตรียมไปสู่การรวบรวมสองเกาหลีให้เป็นหนึ่งเดียว หลังการถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำ คิม จอง อิล ทำให้กรุงโซลต้องหันมาใส่ใจเป้าหมายดังกล่าวอย่างจริงจังอีกครั้ง

กระทรวงการรวมชาติซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลการติดต่อข้ามแดน ระบุว่า นโยบายสำคัญประการแรกสำหรับปีนี้คือการตระเตรียมเพื่อไปสู่การรวมชาติเกาหลีอย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งกองทุนด้วย

เอกสารนโยบายของรัฐบาลเกาหลีใต้ยังระบุด้วยว่า กรุงโซลจะใช้ “การทูตเพื่อรวมชาติ” อย่างแข็งขัน โดยจะขอการสนับสนุนจากนานาประเทศ และศึกษาจากประสบการณ์รวมชาติของของเยอรมนี

ทั้งนี้ กระทรวงการรวมชาติยังไม่ได้ระบุว่า เงินทุนดังกล่าวจะได้มาจากแหล่งใด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการถกเถียงเรื่องนี้ รวมไปถึงปริมาณเม็ดเงินที่น่าจะมหาศาลเอาการ

การจัดหาทุนรอนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรวมสองเกาหลีกลายเป็นประเด็นร้อนแรงเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา หลังจากประธานาธิบดี ลี เมียงบัค เสนอให้มีการเก็บภาษีรวมชาติจากประชาชน

หลายฝ่ายยังคงคิดเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในการรวมคาบสมุทรเกาหลีให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง หลังแตกแยกเป็น 2 ส่วนมานานเกือบ 6 ทศวรรษ

รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรเกาหลีเหนือในปัจจุบัน คิดเป็นเพียง 5% ของรายได้เฉลี่ยของพลเมืองเกาหลีใต้

ผลการศึกษาซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการรวมชาติ ชี้ว่า กรุงโซลจะต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการพื้นฐานให้แก่เกาหลีเหนือถึง 55 ล้านล้านวอน (1.5 ล้านล้านบาท) ในช่วง 1 ปีแรก ซึ่งในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายทั้งหมดอาจสูงถึง 249 ล้านล้านวอน (6.8 ล้านล้านบาท) หรือเท่ากับ 1 ใน 4 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 2010 หากนับรวมค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์, บำเหน็จบำนาญ และสิทธิประโยชน์อื่นๆด้วย

การถึงแก่อสัญกรรมของผู้นำ คิม จอง อิล เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ทำให้อำนาจปกครองในเกาหลีเหนือถูกถ่ายโอนสู่มือ คิม จอง อึน บุตรชายผู้ยังไร้ประสบการณ์ของเขา และกระตุ้นสังคมเกาหลีใต้เริ่มถกเถียงถึงความเป็นไปได้ที่จะรวบรวมชาติเกาหลีอีกครั้ง

ผลสำรวจความคิดเห็นช่วงก่อน คิม จะเสียชีวิต ชี้ว่า ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจกับการรวมชาติน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาว

ยู วู-อิก รัฐมนตรีกระทรวงการรวมชาติ ระบุว่า แนวโน้มดังกล่าวเป็นสิ่งที่ “น่ากังวลอย่างยิ่ง” พร้อมกับย้ำว่า ประโยชน์ที่จะได้รับในระยะยาวนั้นคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จะเสียไปอย่างแน่นอน

“การรวมชาติไม่ใช่สิ่งที่สามารถเลือกได้ แต่คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ มันจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดอย่างยิ่ง หากเราหลีกเลี่ยงการรวมชาติเพียงเพราะเรื่องเงิน” ยู กล่าวในสุนทรพจน์ต่อนักศึกษามหาวิทยาลัย
กำลังโหลดความคิดเห็น