ปธน.โสมขาว วอน ปชช.อยู่ในความสงบ-อย่ากังวล หลังสิ้น “คิมจองอิล”

เอเอฟพี/เอเจนซี - ข่าวการเสียชีวิตของ “คิมจองอิล” ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เหมือนเป็นฟ้าฝ่าใส่ประชาชนชาวเกาหลีใต้ ด้วยความกลัวว่าความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศจะปะทุขึ้นอีก หลังมีการประกาศเตือนภัยทางทหารตามแนวชายแดน ที่มีการป้องกันหนาแน่น

ด้าน ประธานาธิบดี ลีมยองบัก ของเกาหลีใต้ ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ และใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ หลังประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้นำโสมแดง ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนบ้าน และศัตรูคู่อาฆาตรายนี้

เจ้าหน้าที่โสมขาว ระบุว่า รัฐบาลกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของทางเปียงยาง และจะหารือกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ และประชาคมโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อรับรองเสถียรภาพภายในภูมิภาค

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทางการโซล ยังแถลงว่า ประธานาธิบดี ลี ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ แล้วด้วย โดยผู้นำทั้งสองต่างเห็นพ้องต้องกันในการร่วมมือกันควบคุมสถานการณ์ให้เป็นปกติ หลังการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของผู้นำคิม

ส่วนเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ เผยว่า ได้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังภัยบริเวณแนวชายแดนแล้ว พร้อมกับขอกำลังเสริมเป็นเครื่องบิน และดาวเทียม จากสหรัฐฯ ซึ่งมีทหารประจำการในประเทศอยู่ราว 28,500 นาย ให้ช่วยตรวจตราความมั่นคงด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ประธานาธิบดี ลี ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งหมายถึงว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะถูกห้ามไม่ให้ลางาน หรือเดินทางไปไหน

ขณะที่ประชาชนชาวเกาหลีใต้ ต่างรู้สึกตกใจ และกังวลใจไปในเวลาเดียวกัน เมื่อสถานีโทรทัศน์ทางการโสมแดงออกมาประกาศว่า คิมจองอิล วัย 69 ปี เสียชีวิตจากหัวใจวาย ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโดยรถไฟ

“ฉันพูดไม่ออกเลย” ควักโบรัม วัย 24 ปี เอ็นจีโอรายหนึ่งกล่าว “ฉันรู้สึกช็อก และกังวล ก่อนหน้านี้ มักมีข่าวลือออกมา แต่ไม่ใช่ข่าวที่ได้รับการยืนยัน”

ส่วน ซองโบนา นักศึกษามหาวิทยาลัย วัย 22 ปี กล่าวว่า “ฉันกังวลว่าจะเกิดสงคราม ทีแรกฉันไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริง”

ด้าน บยอนมีซุก แม่บ้านรายหนึ่ง เผยว่า “ฉันไม่เคยนึกภาพว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อคิมจองอิลเสียชีวิต แต่ตอนนี้เขาเสียแล้ว ฉันรู้สึกตกใจ และก็อยากรู้มากๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้”

สำหรับนักธุรกิจ คิมซองอิล วัย 49 ปี และ โกแจลิน วัย 50 ปี ต่างคาดหวังว่า เกาหลีเหนือจะเปลี่ยนแปลงไป และเปิดประเทศมากขึ้น เมื่อสิ้นผู้นำเผด็จการรายนี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้แสดงความเห็นในโลกออนไลน์ ซึ่งถูกควบคุมน้อยกว่า ก็มีปฏิกิริยาแตกต่างออกไป

“ไม่มีใครควรแสดงความเคารพต่อการเสียชีวิตนี้” อิมจองมิน โพสต์ในเว็บไซต์เนท ส่วนควอนโซยอง ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอีกราย ระบุว่า “ฉันหวังว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และหัวใจวายจะถ่ายทอดทางพันธุกรรม และส่งผ่านภายในครอบครัว”

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือยังประกาศให้วันที่ 17-29 ธันวาคม เป็นช่วงเวลาไว้อาลัยพร้อมกันทั่วประเทศ