xs
xsm
sm
md
lg

‘อิหร่าน’ยึดอากาศยานสอดแนมสุดไฮเทคของ‘ซีไอเอ’

เผยแพร่:   โดย: ฮีธเทอร์ มาเฮอร์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Tehran prods and pokes CIA drones
By Heather Maher
09/12/2011

สถานีโทรทัศน์อิหร่านออกอากาศคลิปวิดีโอที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารของอิหร่านกำลังตรวจสอบอากาศยานไร้คนขับของสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งกรุงเตหะรานอ้างว่าฝ่ายตนเพิ่งยิงตก การยึดอากาศยานลำนี้ได้ไม่ใช่เป็นเพียงการได้ลาภลอยชิ้นมหึมาสำหรับที่ระบอบปกครองอิหร่านจะนำมาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อได้เป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นขุมทรัพย์แห่งเทคโนโลยีสอดแนมสืบหาความลับ ซึ่งทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวดชนิดที่มีรายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่อเมริกันเคยพิจารณาที่จะบุกเข้าไปในอิหร่านเพื่อนำมันกลับคืนมาให้ได้ด้วยซ้ำ

สถานีโทรทัศน์อิหร่านออกอากาศคลิปวิดีโอ อากาศยานไร้คนขับ (drone หรือ unmanned aerial vehicle ใช้อักษรย่อว่า UAV) ของสหรัฐฯลำหนึ่ง ซึ่งกรุงเตหะรานอ้างว่าสามารถยิงตกลงมาภายในดินแดนของฝ่ายตน เราน่าจะพอพูดได้ว่าภาพวิดีโอนี้คือฝันร้ายของพวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯโดยแท้

ในภาพวิดีโอดังกล่าว ชาย 2 คนในชุดเครื่องแบบทหารอิหร่านกำลังตรวจสอบพินิจพิเคราะห์อากาศยานปีกค้างคาวลำเล็กๆ ดังกล่าว ชายผู้หนึ่งชี้มือชี้ไม้ไปที่ปีกเครื่องบิน และดูเหมือนกำลังอธิบายอะไรบางอย่างให้แก่ชายอีกผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา

เขาอธิบายอะไรหรือ? บางทีอาจจะเป็นการปฏิบัติการล่วงล้ำเข้ามาหาข่าวกรองอย่างลับๆ ของสหรัฐฯกระมัง

แผ่นป้ายที่วางอยู่ตรงด้านล่างของอากาศยานในคลิปวิดีโอนี้ เขียนข้อความเอาไว้ว่า “อเมริกาทำร...ยำใส่เราไม่ได้หรอก” (America can't do a damn thing against us) ซึ่งเป็นการอ้างอิงคำพูดของ อยาโตลเลาะห์ รูโฮลเลาะห์ โคไมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านผู้ล่วงลับ

สำหรับระบอบปกครองอิหร่านที่เป็นศัตรูกับสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนานแล้ว การที่พวกเขาสามารถกล่าวอ้างว่ายึดอากาศยานไร้คนขับลำนี้ได้ คือการได้รับสิ่งอันมีค่ายิ่งกว่าเพียงแค่รางวัลใหญ่มหึมาสำหรับการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น กรุงเตหะรานยังอาจจะได้ขุมทรัพย์แห่งเทคโนโลยีลับทางการทหารของสหรัฐฯ ซึ่งทรงความสำคัญยิ่งยวดเสียจนกระทั่งพวกเจ้าหน้าที่อเมริกันต้องพิจารณาไตร่ตรองกันอยู่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ว่าควรหรือไม่ที่จะบุกเข้าไปในอิหร่านเพื่อพยายามนำเอาอากาศยานที่ตกลำนี้กลับคืนมา ทั้งนี้ตามรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (The Wall Street Journal) แต่แล้วพวกเขาก็บอกปัดไม่ออกปฏิบัติการเนื่องจากมีความเสี่ยงมากเกินไป

ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯนั้นเมื่อพูดกันอย่างไม่เป็นทางการก็แสดงการยอมรับว่าได้สูญเสียอากาศยานลำนี้ไปจริงๆ แต่โฆษกเพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) ผู้หนึ่งแถลงต่อผู้สื่อข่าวในวันที่ 8 ธันวาคมว่า เจ้าหน้าที่ “จะไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจประเภทเหล่านี้ และสมรรถนะประเภทเหล่านี้” (อย่างไรก็ดี ในที่สุดประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ออกมาแถลงยอมรับเป็นครั้งแรกในวันที่ 12 ธันวาคม -ผู้แปล)

กระนั้นก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯและของต่างประเทศที่ได้รับการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ไปบอกกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) ว่า อากาศยานไร้คนขับแบบ อาร์คิว-170 เซนทิเนล (RQ-170 Sentinel) ลำนี้ ถือว่าทรงความสำคัญอยู่ในระดับศูนย์กลางของโครงการลับๆ ที่มุ่งเก็บรวมบรวมข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งอาจเป็นที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

**สมบัติลับสุดยอด**

สหรัฐฯนั้นได้ใช้ดาวเทียมมานมนานหลายปีแล้วในการเป็นอุปกรณ์รวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับอิหร่าน โดยที่วอชิงตันเชื่อว่าประเทศที่เป็นศัตรูกับอเมริกันรายนี้กำลังซุกซ่อนดำเนินโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับๆ แต่ เจสัน แคมป์เบลล์ (Jason Campbell) นักวิเคราะห์ด้านการทหารที่ทำงานกับ บริษัทแรนด์ (RAND Corporation) ระบุว่า อาร์คิว-170 เป็นอากาศยานไร้คนขับที่มีสมรรถนะใหม่ๆ และโดดเด่นแตกต่างไปจากอุปกรณ์รุ่นเก่า จนกระทั่งสามารถนำพาภารกิจการรวบรวมข่าวกรองอย่างลับๆ ดังกล่าว ยกระดับขึ้นไปสู่ขั้นใหม่ทีเดียว

“จากทัศนะมุมมองในทางข่าวกรอง สิ่งที่ทำให้อากาศยานลำนี้มีประโยชน์มากเป็นพิเศษ อยู่ตรงที่มันสามารถบินในระดับความสูงที่ลิบลิ่วจริงๆ โดยมีรายงานว่าสูงถึงระดับ 50,000 ฟุตทีเดียว แถมมันมีสมรรถนะในการบินอยู่ในอากาศได้ครั้งหนึ่งหลายๆ ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นความหรูหราที่คุณไม่สามารถหาได้จากภาพถ่ายผ่านดาวเทียม นอกจากนั้น (อาร์คิว-170) ติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์จับสัญญาณหลายหลากชนิด มันสามารถดักจับการสื่อสารด้วยอิเล็กทรอนิก, มันสามารถดูดตัวอย่างอากาศเพื่อมาตรวจจับดูมีว่ามีสารเคมีใดๆ หรือมีสิ่งผิดปกติอื่นๆ อยู่ในอากาศดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลทำให้เราเชื่อได้ว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ โดยในกรณีของอิหร่าน ก็คือข้อมูลที่จะทำให้เชื่อได้ว่ามีการดำเนินโครงการนิวเคลียร์อยู่ในบริเวณดังกล่าวหรือไม่” แคมป์เบลล์สาธยาย

“นอกจากนั้นมันยังมีสิ่งที่เรียกขานกันว่า ‘การถ่ายวิดีโอแบบเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่’ (full-motion video) ในการถ่ายภาพภาคพื้นดิน โดยที่คุณไม่เพียงสามารถถ่ายภาพของเป้าหมายที่เข้าถึงได้ยากเท่านั้น คุณยังสามารถมองเห็นการมาและการไปของบุคคลต่างๆ ตลอดจนความเคลื่อนไหวอื่นๆ บนพื้นดิน ซึ่งนี่ก็เช่นกัน เป็นสมรรถนะที่ไม่สามารถหาได้จากดาวเทียม”

สิ่งที่หวาดเกรงกันมากก็คือ อิหร่าน ตลอดจนพันธมิตรใกล้ชิดของอิเหร่านอย่างเช่น จีน และรัสเซีย จะสามารถเรียนรู้และลอกเลียนสมรรถนะเหล่านี้ไปได้

พวกนักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า เทคโนโลยีที่ล้ำค่าที่สุดของอากาศยานลำนี้ บางทีอาจจะอยู่ที่ความสามารถของมันในการตรวจจับและรวบรวมข้อมูลข่าวสารประเภทต่างๆ อย่างหลายหลากกว้างขวาง แม้ขณะที่มันบินวนหรือบินผ่านเป้าหมายในแบบที่ไม่ได้มุ่งทำการตรวจจับโดยตรง พวกเขาบอกด้วยว่า แม้กระทั่งสมรรถนะด้านเรดาร์ของมันก็อาจจะมีความก้าวหน้ามากมายชนิดที่ช่วยให้ปักกิ่งหรือมอสโกพัฒนาระบบของพวกตนไปได้อีกไกล

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับอากาศยานไร้คนขับรุ่นอาร์คิว-170 เซนทิเนล ล้วนเป็นความลับปกปิดไปเสียหมด อันที่จริงภาพถ่ายภาพแรกของมันได้นำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน โดยเป็นภาพถ่ายโดรนรุ่นนี้กำลังจอดนิ่งๆ อยู่ในฐานทัพอากาศสหรัฐฯแห่งหนึ่งในอัฟกานิสถาน รูปร่างลักษณะของมันอิงอยู่กับเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-2 สเตลธ์ (B-2 stealth bomber) ซึ่งเข้าประจำการใช้งานในกองทัพสหรัฐฯมาตั้งแต่ปี 1997 รวมทั้งเคยออกปฏิบัติภารกิจในครั้งสงครามระหว่าง โคโซโว (Kosovo) กับ เซอร์เบีย เมื่อปี 1999 ตลอดจนในการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯทั้งในอิรักและในอัฟกานิสถานในเวลาต่อมา

**ฝีมืออิหร่านยิงตกหรือเปล่า?**

ไม่น่าประหลาดใจอะไรเลยที่มีคำบอกเล่าหลายเวอร์ชั่นซึ่งขัดแย้งกันอยู่ ในเรื่องเกี่ยวกับการตกลงสู่พื้นดินของเจ้าโดรนลำนี้ พล.อ.อามี อาลี ฮาจิซาเดห์ (General Ami Ali Hajizadeh) ผู้บัญชาการกองกำลังทางอากาศแห่งกองกำลังผู้พิทักษ์การปฏิวัติ (Revolutionary Guards) ซึ่งเป็นกองกำลังอาวุธที่ทรงอิทธิพลยิ่งในอิหร่าน แถลงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมว่า กองกำลังของเขาได้ยิงอากาศยานลำนี้ตกลงมาด้วยการซุ่มโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯปฏิเสธความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ และกล่าวโทษว่าน่าจะเป็นเพราะระบบทำงานของโดรนลำนี้เกิดขัดข้อง

ทางด้าน แคมป์เบลล์ แห่ง แรนด์ อธิบายแจกแจงว่า โดรนแต่ละลำที่ออกทำการบินนั้น จะถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ว่า ถ้าหากเกิดอะไรผิดพลาด ก็ให้มันบินกลับฐานโดยอัตโนมัติ แต่สำหรับในกรณีนี้ ต้องมีอะไรบางอย่างที่ขัดข้องไม่เป็นไปตามแผนการที่จัดวางไว้

“ในจุดนี้เรายังไม่ทราบหรอกว่า พวกอุปกรณ์ประเภทกลไกทำลายตัวเองของมัน ได้ทำงานอย่างที่ควรจะทำหรือเปล่า แต่เมื่อพิจารณาว่า โดรนเหล่านี้จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าลำนี้ ได้ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ให้กลับคืนสู่ฐานโดยอัตโนมัติ ถ้าหากเกิดเหตุอย่างเช่นดาวเทียมสื่อสารถูกรบกวน ซึ่งในบางกรณีเรื่องนี้แหละเป็นสาเหตุของความขัดข้อง แต่ทว่าจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันไม่ได้เป็นไปตามนั้น ก็น่าจะบ่งชี้ว่ากลไกทำลายตัวเองของมันก็ไม่ทำงานด้วย” แคมป์เบลล์สันนิษฐาน

กระนั้น ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญทางการทหารอีกอย่างน้อย 1 คน ที่คิดว่าฝ่ายอิหร่านอาจจะกำลังพยายามข่มขวัญสหรัฐฯเท่านั้น เขาผู้นี้คือ จอห์น ไพค์ (John Pike) นักวิเคราะห์ที่ทำงานให้เว็บไซต์ GlobalSecurity.org ซึ่งกล่าวว่า โดรนลำที่ถูกนำออกมาโชว์โฉมทางทีวีอิหร่านนั้น ดูเหมือน “โมเดลที่เอาไว้ใช้แห่ในการเดินพาเหรด” ช่างไม่เหมือนกับอากาศยานหุ่นยนต์ตรวจการณ์ไฮเทคเอาเสียเลย เขายังถึงกับคาดเดาว่า โดรนที่เห็นทางโทรทัศน์อิหร่านเป็น “ของปลอม”

นับตั้งแต่อากาศยานไร้คนขับลำนี้ตกลงมาแล้ว พวกนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบางคนก็ได้พูดแสดงความคิดเห็นตั้งแต่ตอนนั้นว่า พวกเขาไม่คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำวิศวกรรมย้อนกลับกับระบบต่างๆ ของมัน และศึกษาเรียนรู้เพื่อหาวิธีสร้างเลียนแบบมันขึ้นมา พวกเขายังกล่าวด้วยว่าข้อมูลที่โดรนลำนี้รวบรวมมาได้ก่อนที่มันจะตกลงสู่พื้น ก็อาจจะกู้ขึ้นมาไม่ได้เช่นเดียวกัน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯวาดหวัง

“โชคร้าย” แคมป์เบลล์ แห่งบริษัทแรนด์ กล่าว “บางทีเราอาจจะไม่มีโอกาสรู้เรื่องราวทั้งหมดเลยก็เป็นได้”

(รายงานนี้มาจาก เรดิโอ ฟรี ยุโรป/เรดิโอ ลิเบอร์ตี Radio Free Europe/Radio Liberty หรือ RFE/RL)

เรดิโอ ฟรี ยุโรป/เรดิโอ ลิเบอร์ตี เป็นกิจการกระจายเสียงที่ได้รับเงินทุนจากรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อเสนอข่าวสารข้อมูลและบทวิเคราะห์ไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันออก, เอเชียกลาง, และตะวันออกกลาง
กำลังโหลดความคิดเห็น