เอเอฟพี - ผู้ป่วยในโรงพยาบาลสังกัดรัฐบาลของซีเรียล้วนถูกเจ้าหน้าที่รัฐทรมาน ตามแผนการปราบปรามการชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ขณะเดียวกัน แพทย์ผู้ให้การรักษาผู้ประท้วงก็จะถูกรัฐบาลเล่นงานเช่นกัน องค์การนิรโทษกรรมสากลเสนอรายงาน วานนี้ (24)
ยิ่งกว่านั้น นักสิทธิมนุษยชนซีเรียเปิดเผยว่า รัฐบาลเปลี่ยนสนามฟุตบอลของประเทศเป็นเรือนจำนักโทษการเมือง โดยมีผู้ประท้วงถูกกักขังมากกว่า 30,000 คน ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
รายงานความยาว 39 หน้า ขององค์การนิรโทษกรรมสากลฉบับนี้ระบุว่า “รัฐบาลซีเรียเปลี่ยนโรงพยาบาลเป็นเครื่องมือปราบปรามประชาชน” โดยอธิบายถึงกระบวนการทรมานผู้ประท้วงที่เข้ารับการรักษาในโรงพายบาลของรัฐอย่างน้อย 4 แห่ง ทั้งด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่แพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ความมั่นคงซีเรียที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม
ส่วน “แพทย์ที่ให้การรักษาผู้ประท้วง หรือผู้บาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบ ก็จะถูกจับกุมและทรมาน” ส่งผลให้โรงพยาบาลอื่นๆ ก็อยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าหน้าที่แพทย์ซีเรียถูกบังคับให้เลือกระหว่างการรักษาคนเจ็บ หรือการรักษาชีวิตของตนเอง”
ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 3,000 ราย จากการปราบปรามผู้ประท้วงของรัฐบาลซีเรีย
รัดวาน เซียเดห์ ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ศึกษาสิทธิมนุษยชนดามัสกัส แถลงข่าวจากสำนักงานใหญ่ยูเอ็น ว่า ไม่มีใครรู้ตัวเลขที่แน่ชัดองนักโทษการเมืองที่ถูกรัฐบาลซีเรียควบคุมตัว แต่ข้อมูลจากรายงานของนักเคลื่อนไหวที่ทำงานอย่างลับๆ “เราประเมินว่า มีประชาชนถูกกักขังมากกว่า 30,000 คน”
เซียเดห์ ยังระบุว่า รัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้เปลี่ยนสนามฟุตบอลหลักๆ ของซีเรียให้กลายเป็นเรือนจำนักโทษ “รัฐบาลซีเรียต้องยกเลิกการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ เพราะสนามหลายแห่งกลายสภาพเป็นสถานกักกันและค่ายทรมาน”
นอกจากนี้ รัดวาน เซียเดห์ กล่าวว่า ความล้มเหลวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ในการผ่านมติกดดันซีเรียส่งผลให้กลุ่มผู้ประท้วงเริ่มสิ้นหวัง และพร้อมจับปืนขึ้นสู้กับกองกำลังรัฐบาล “เพื่อปกป้องชีวิตตนเอง”