ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - และแล้ววันแห่งความชื่นมื่นปลื้มปีติของพสกนิกรชาวภูฏานก็มาถึง เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับ พระคู่หมั้น เจ็ตซัน เปมา หญิงสาวนักศึกษาสามัญชน วัย 21 ปี ณ ลานพระราชพิธี ซึ่งจัดขึ้นภายในป้อมปราการเมืองพูนาคา ในวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา
แม้จะไม่ได้เป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตไปทั่วโลกอย่างเช่นครั้งงานพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษ และพระชายาแคทเธอรีน มิดเดิลตัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ก็สร้างความประทับใจให้กับประชาชนในดินแดนบนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ทั้งประเทศ รวมถึงชาวไทยอีกหลายๆ คน
สำหรับบรรยากาศพระราชพิธีอภิเษกสมรสนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย และถูกต้องตามโบราณราชประเพณีแห่งภูฏาน ในการนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา น.ส.เจ็ตซัน เปมา ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน จากนั้นจึงทรงจูงพระหัตถ์พระราชินีเสด็จฯ เข้าไปบนแท่นสักการะอันศักดิ์สิทธิ์ภายในป้อมพูนาคา ซึ่งเป็นที่ตั้งพระศพขององค์กษัตริย์ผู้ก่อตั้งภูฏานเมื่อศตวรรษที่ 17 เพื่อทรงรับพรและประกอบพิธีสวดมนต์ตามคติทางพุทธศาสนา โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการระดับสูง ร่วมเป็นสักขีพยานโดยพร้อมเพรียง ขณะที่พระบิดา ผู้เป็นพระราชาธิบดีองค์ก่อน ทรงเสด็จพร้อมด้วยพระชายาทั้ง 4 พระองค์ เป็นผู้พระราชทานผ้าพันพระศอสีสันสวยงามตระการตาให้แก่เจ้าสาว ที่มีท่าทางประหม่า โดยในพระราชพิธี กษัตริย์จิกมี และพระชายาต้องทรงดื่มนม อันเป็นตัวแทนของชีวิตนิรันดร์ด้วย
หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีอภิเษกสมรส สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี และสมเด็จพระราชินี เจ็ตซัน เปมา ก็ได้เสด็จออกทักทายผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ในส่วนที่เปิดให้สาธารณชนเข้าร่วม พระองค์ได้ทรงอุ้มเด็กๆ ลูบหัว และจับมือ อันเป็นการปฏิบัติที่ไม่เคยได้พบเห็นจากกษัตริย์องค์ก่อนๆ อย่างที่คนรุ่นเก่าแก่ต้องคอยก้มหน้าเพราะไม่กล้าสบตาเจ้าแผ่นดินของพวกเขา
นอกจากนี้ รัฐบาลภูฏานยังจัดการถ่ายทอดสดพระราชพิธีอภิเษกสมรสไปทั่วประเทศ เพื่อให้พสกนิกรกว่า 700,000 คนได้ซึมซับบรรยากาศอันน่าประทับใจกันโดยถ้วนหน้า และใน 3 วันหลังจากนี้ก็มีการจัดงานรื่นเริงตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทั่วภูฏานด้วย
ส่วนชาวบ้านชนเผ่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามเขตภูเขาสูงของภูฏานเกือบตลอดทั้งปี ก็ลงมายังพื้นราบเพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์จิกมี เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปซึ่งมาจับจองพื้นที่ริมฝั่งถนนที่จะเสด็จพระราชดำเนินผ่านกันตั้งแต่เช้า
ด้านเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงภูฏานมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และตรวจตรารถยนต์ทุกคันที่เข้ามาใกล้บริเวณพระราชพิธี เนื่องจากก่อนหน้าพระราชพิธีมงคงนี้เพียงไม่กี่วัน กลับเกิดเหตุระเบิด 2 ระลอกแต่ไม่รุนแรง ที่เมืองพุโชนลิง บริเวณชายแดนฝั่งที่ติดกับอินเดีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย ในวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม โดยกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งภูฏาน หรือยูอาร์เอฟบี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายเนปาล ได้ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุก่อกวนดังกล่าว เพื่อเรียกร้องความสนใจจากองค์กษัตริย์
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ได้ทรงมีพระราชปฏิสันถารอย่างผ่อนคลายสบายๆ กับผู้สื่อข่าวกลุ่มเล็กๆ ระหว่างที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปรอบๆ ภายหลังเสวยพระกระยาหารกลางวัน ซึ่งเป็นพระราชจริยวัตรที่ทรงโปรดปราน
“เรามีความสุขมาก เราเฝ้ารอเวลานี้มาระยะหนึ่งแล้ว มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะแต่งงานเมื่อใด ตราบเท่าที่เป็นการแต่งงานกับคนที่ใช่” กษัตริย์จิกมีมีพระราชดำรัส “สำหรับเราแล้ว แน่นอนที่สุดว่าเราได้แต่งงานกับคนที่ใช่”
“พระราชินีทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของเธอได้อย่างวิเศษสุด เรามีความภาคภูมิใจในพระราชินีมาก” กษัตริย์จิกมี ทรงตรัสกับผู้สื่อข่าว “พระราชินีเป็นมนุษย์ที่มหัศจรรย์ มีความเฉลียวฉลาด พระราชินีและเรามีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่เหมือนๆ กัน นั่นคือ ความรักและความหลงใหลในศิลปะ”
สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ซึ่งปกครองภูฏานมานานกว่า 100 ปี และสถาบันกษัตริย์นี้เองที่เป็นพลังสำคัญในการนำความมั่นคงมาสู่ดินแดนซึ่งเคยร้อนระอุด้วยไฟสงคราม และทำให้ภูฏานคงความเป็นเอกราชอยู่ได้ท่ามกลางวงล้อมของชาติมหาอำนาจ ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
นับตั้งแต่ข่าวการหมั้นหมายระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดี และ เจ็ตซัน เปมา เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อาจทำให้สาวๆ ชาวไทยที่ชื่นชมในพระราชจริยวัตรอันงดงามต้องอกหักไปตามๆ กัน ทว่า สำหรับชาวภูฏานซึ่งรักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งใด ประกาศดังกล่าวถือเป็นข่าวมหามงคลที่นำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่พวกเขา
ตำนานรักแดนหิมาลัย
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี หรือ “เจ้าชายจิกมี” ที่คนไทยรู้จักกันดี ทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งภูฏาน เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา พร้อมทรงนำภูฏานเข้าสู่ยุคประชาธิปไตย ตลอดจนทรงสืบสานต่อจากสมเด็จพระราชบิดาของพระองค์ ในเรื่องของปรัชญา “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness) อันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กษัตริย์หนุ่มพระองค์นี้ทรงถูกเรียกขานด้วยพระนามต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น “เค 5” ซึ่งหมายถึงรัชกาลที่ 5 หรือ “เจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์จากแดนหิมาลัย”
ด้วยพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวภูฏาน พสกนิกรกว่า 700,000 คนทั่วประเทศ จึงพร้อมใจถวายความจงรักภักดีแด่กษัตริย์พระองค์ใหม่ ไม่ต่างจากที่พระราชบิดาทรงเคยได้รับมา โดยที่เสียงสะท้อนถึงพระจริยวัตรอันงดงามของกษัตริย์จิกมี เป็นสิ่งที่ได้ยินได้ฟังทั่วไปในกรุงทิมพู
“รัชกาลที่ 5 แม้จะทรงครองราชย์ได้ไม่นาน แต่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเหลือเกิน” เชอริง ทอปเกย์ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านภูฏาน ให้สัมภาษณ์ และว่า “ทรงเสด็จฯไปทุกที่ และแทบจะเรียกได้ว่า ทรงเคยพบประชาชนเกือบทุกคนในประเทศนี้”
อย่างไรก็ดี ประวัติความเป็นมาของพระราชินียังไม่เป็นที่ทราบกันมากนัก เว้นแต่รายละเอียดทั่วๆ ไป เช่นว่า เธอเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลตัวยง และยังอยู่ในวัยสดสาว เธอถูกเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมในฐานะพระคู่หมั้น หลังจากนั้น เธอก็ได้ติดตามสมเด็จพระราชาธิบดีในการเสด็จฯเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ต่างๆ โดยล่าสุดคือ การเสด็จฯเยี่ยมผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวทางตะวันตกของประเทศ
ใบหน้างามแฉล้มของ เจ็ตซัน ปรากฏอยู่บนโปสเตอร์นับพันใบ รวมถึงของที่ระลึกอีกหลากชนิด เช่น จานที่ระลึก และเข็มกลัด ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อพระราชพิธีอภิเษกสมรสโดยเฉพาะ ขณะที่เธอสามารถเอาชนะใจชาวแดนมังกรสายฟ้าไปอย่างง่ายดาย ด้วยบุคลิกที่เคร่งขรึมและสงบเสงี่ยมเป็นนิจ
ซุง ชุก นักศึกษาวิชาธุรกิจวัย 23 ปี เผยว่า “ผมไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเธอมากนัก แต่เธอสวยมาก” พร้อมกับสำทับว่า “สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเลือกคนถูกแล้ว” ยิ่งไปกว่านั้น ชาวภูฏานจำนวนมากยังประทับใจในอิทธิพล ที่ เจ็ตซัน มีต่อกษัตริย์จิกมี ซึ่งทรงแสดงออกถึงความรักและความชื่นชมที่มีต่อพระคู่หมั้นอย่างเปิดเผย หรือแม้แต่จูงมือเธอระหว่างที่เสด็จฯไปทรงปฏิบัติภารกิจตามสถานที่ต่างๆ
“พระองค์ทรงรักเธอมาก” จูร์เม โชเดน นักเรียนหญิงวัย 16 ปี ให้สัมภาษณ์ระหว่างรอซ้อมการแสดง ซึ่งใช้ในพิธีเฉลิมฉลองอภิเษกสมรสวันที่ 15 ตุลาคม “ไม่ว่าจะเสด็จฯไปที่ไหน ก็จะทรงจูงมือพระคู่หมั้นตลอดเวลา ตอนนี้เด็กวัยรุ่นก็เริ่มทำตามกันแล้ว”
กษัตริย์จิกมี ทรงพบ พระราชินีเจ็ตซัน เป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ระหว่างเสด็จฯไปทรงพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์กับพระราชวงศ์ ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 17 พรรษา ส่วน เจ็ตซัน บุตรสาวของกัปตันสายการบิน ดรุก แอร์ ของภูฏานก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัย 7 ขวบเท่านั้น
เจ้าชายหนุ่มทรงคุกพระชงฆ์ลงกับพื้น และตรัสกับเด็กน้อยว่า “เมื่อเธอโตขึ้น หากฉันยังไม่แต่งงาน และเธอก็ยังไม่มีใคร ฉันจะแต่งงานกับเธอ หากว่าความรู้สึกของเรายังเหมือนเดิม”
เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาจากอินเดียและสหรัฐฯ สมเด็จพระราชาธิบดี หรือ เจ้าชายจิกมี ในขณะนั้น ก็ทรงเข้าศึกษาระดับปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งพระสหายของพระองค์ที่นั่นเล่าว่า ทรงเป็นนักศึกษาที่ตั้งใจเล่าเรียนอย่างยิ่ง
“ท่านไม่ค่อยชอบออกงานสังคมเท่าไหร่ แต่ก็ทรงมีพระสหายหลายคน” พระสหายคนหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุ “เมื่อก่อนทรงเป็นอย่างไร ตอนนี้เมื่อทรงเป็นกษัตริย์แล้วก็ยังทรงเป็นอย่างนั้น คือเป็นคนมีเหตุผลและเชื่อถือได้”
คินเลย์ เปม ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมลังเทนแซมปา ซึ่งเคยถวายพระอักษรแด่กษัตริย์จิกมี และสอน เจ็ตซัน เปมา ในต่างช่วงเวลากัน เล่าว่า เธอยังจำ พระราชินีพระองค์ใหม่แห่งภูฏานได้ดีว่าเป็นกัปตันทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียน และเคยคว้ารางวัลด้านการพูดในที่ประชุมชนมาแล้ว
“เธอไม่เคยมีท่าทีมักใหญ่ใฝ่สูง และฉันเชื่อว่า เธอไม่เคยคิดฝันด้วยซ้ำว่าจะได้เป็นพระราชินี” ผอ.โรงเรียน เผย
ปัจจุบัน พระราชินีเจ็ตซัน ทรงกำลังศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยรีเจนต์ในกรุงลอนดอน และมีความสนใจงานศิลปะต่างๆเป็นพิเศษ แต่บทบาทของพระองค์นับจากนี้คือการปฏิบัติภารกิจด้านการกุศล และถวายการอบรมแก่รัชทายาทแห่งบัลลังก์ภูฏานพระองค์ถัดไป ทันทีที่มีพระราชโอรส-ธิดา
และแน่นอนว่า หลังผ่านพ้นพระราชพิธีอภิเษกสมรส ประชาชนชาวภูฏาน รวมทั้งสังคมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนคนไทยที่มีความผูกพันกับกษัตริย์จิกมีคงจะเฝ้าติดตามพระราชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์อย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งติดตามข่าวดีของการก่อกำเนิดรัชทายาทแห่งดินแดนมังกรสายฟ้าอย่างมิวางตาเลยทีเดียว
แม้จะไม่ได้เป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตไปทั่วโลกอย่างเช่นครั้งงานพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษ และพระชายาแคทเธอรีน มิดเดิลตัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ก็สร้างความประทับใจให้กับประชาชนในดินแดนบนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ทั้งประเทศ รวมถึงชาวไทยอีกหลายๆ คน
สำหรับบรรยากาศพระราชพิธีอภิเษกสมรสนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย และถูกต้องตามโบราณราชประเพณีแห่งภูฏาน ในการนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา น.ส.เจ็ตซัน เปมา ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน จากนั้นจึงทรงจูงพระหัตถ์พระราชินีเสด็จฯ เข้าไปบนแท่นสักการะอันศักดิ์สิทธิ์ภายในป้อมพูนาคา ซึ่งเป็นที่ตั้งพระศพขององค์กษัตริย์ผู้ก่อตั้งภูฏานเมื่อศตวรรษที่ 17 เพื่อทรงรับพรและประกอบพิธีสวดมนต์ตามคติทางพุทธศาสนา โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการระดับสูง ร่วมเป็นสักขีพยานโดยพร้อมเพรียง ขณะที่พระบิดา ผู้เป็นพระราชาธิบดีองค์ก่อน ทรงเสด็จพร้อมด้วยพระชายาทั้ง 4 พระองค์ เป็นผู้พระราชทานผ้าพันพระศอสีสันสวยงามตระการตาให้แก่เจ้าสาว ที่มีท่าทางประหม่า โดยในพระราชพิธี กษัตริย์จิกมี และพระชายาต้องทรงดื่มนม อันเป็นตัวแทนของชีวิตนิรันดร์ด้วย
หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีอภิเษกสมรส สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี และสมเด็จพระราชินี เจ็ตซัน เปมา ก็ได้เสด็จออกทักทายผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ในส่วนที่เปิดให้สาธารณชนเข้าร่วม พระองค์ได้ทรงอุ้มเด็กๆ ลูบหัว และจับมือ อันเป็นการปฏิบัติที่ไม่เคยได้พบเห็นจากกษัตริย์องค์ก่อนๆ อย่างที่คนรุ่นเก่าแก่ต้องคอยก้มหน้าเพราะไม่กล้าสบตาเจ้าแผ่นดินของพวกเขา
นอกจากนี้ รัฐบาลภูฏานยังจัดการถ่ายทอดสดพระราชพิธีอภิเษกสมรสไปทั่วประเทศ เพื่อให้พสกนิกรกว่า 700,000 คนได้ซึมซับบรรยากาศอันน่าประทับใจกันโดยถ้วนหน้า และใน 3 วันหลังจากนี้ก็มีการจัดงานรื่นเริงตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทั่วภูฏานด้วย
ส่วนชาวบ้านชนเผ่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามเขตภูเขาสูงของภูฏานเกือบตลอดทั้งปี ก็ลงมายังพื้นราบเพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์จิกมี เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปซึ่งมาจับจองพื้นที่ริมฝั่งถนนที่จะเสด็จพระราชดำเนินผ่านกันตั้งแต่เช้า
ด้านเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงภูฏานมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และตรวจตรารถยนต์ทุกคันที่เข้ามาใกล้บริเวณพระราชพิธี เนื่องจากก่อนหน้าพระราชพิธีมงคงนี้เพียงไม่กี่วัน กลับเกิดเหตุระเบิด 2 ระลอกแต่ไม่รุนแรง ที่เมืองพุโชนลิง บริเวณชายแดนฝั่งที่ติดกับอินเดีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย ในวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม โดยกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งภูฏาน หรือยูอาร์เอฟบี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายเนปาล ได้ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุก่อกวนดังกล่าว เพื่อเรียกร้องความสนใจจากองค์กษัตริย์
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ได้ทรงมีพระราชปฏิสันถารอย่างผ่อนคลายสบายๆ กับผู้สื่อข่าวกลุ่มเล็กๆ ระหว่างที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปรอบๆ ภายหลังเสวยพระกระยาหารกลางวัน ซึ่งเป็นพระราชจริยวัตรที่ทรงโปรดปราน
“เรามีความสุขมาก เราเฝ้ารอเวลานี้มาระยะหนึ่งแล้ว มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะแต่งงานเมื่อใด ตราบเท่าที่เป็นการแต่งงานกับคนที่ใช่” กษัตริย์จิกมีมีพระราชดำรัส “สำหรับเราแล้ว แน่นอนที่สุดว่าเราได้แต่งงานกับคนที่ใช่”
“พระราชินีทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของเธอได้อย่างวิเศษสุด เรามีความภาคภูมิใจในพระราชินีมาก” กษัตริย์จิกมี ทรงตรัสกับผู้สื่อข่าว “พระราชินีเป็นมนุษย์ที่มหัศจรรย์ มีความเฉลียวฉลาด พระราชินีและเรามีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่เหมือนๆ กัน นั่นคือ ความรักและความหลงใหลในศิลปะ”
สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ซึ่งปกครองภูฏานมานานกว่า 100 ปี และสถาบันกษัตริย์นี้เองที่เป็นพลังสำคัญในการนำความมั่นคงมาสู่ดินแดนซึ่งเคยร้อนระอุด้วยไฟสงคราม และทำให้ภูฏานคงความเป็นเอกราชอยู่ได้ท่ามกลางวงล้อมของชาติมหาอำนาจ ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
นับตั้งแต่ข่าวการหมั้นหมายระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดี และ เจ็ตซัน เปมา เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อาจทำให้สาวๆ ชาวไทยที่ชื่นชมในพระราชจริยวัตรอันงดงามต้องอกหักไปตามๆ กัน ทว่า สำหรับชาวภูฏานซึ่งรักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งใด ประกาศดังกล่าวถือเป็นข่าวมหามงคลที่นำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่พวกเขา
ตำนานรักแดนหิมาลัย
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี หรือ “เจ้าชายจิกมี” ที่คนไทยรู้จักกันดี ทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งภูฏาน เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา พร้อมทรงนำภูฏานเข้าสู่ยุคประชาธิปไตย ตลอดจนทรงสืบสานต่อจากสมเด็จพระราชบิดาของพระองค์ ในเรื่องของปรัชญา “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness) อันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กษัตริย์หนุ่มพระองค์นี้ทรงถูกเรียกขานด้วยพระนามต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น “เค 5” ซึ่งหมายถึงรัชกาลที่ 5 หรือ “เจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์จากแดนหิมาลัย”
ด้วยพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวภูฏาน พสกนิกรกว่า 700,000 คนทั่วประเทศ จึงพร้อมใจถวายความจงรักภักดีแด่กษัตริย์พระองค์ใหม่ ไม่ต่างจากที่พระราชบิดาทรงเคยได้รับมา โดยที่เสียงสะท้อนถึงพระจริยวัตรอันงดงามของกษัตริย์จิกมี เป็นสิ่งที่ได้ยินได้ฟังทั่วไปในกรุงทิมพู
“รัชกาลที่ 5 แม้จะทรงครองราชย์ได้ไม่นาน แต่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเหลือเกิน” เชอริง ทอปเกย์ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านภูฏาน ให้สัมภาษณ์ และว่า “ทรงเสด็จฯไปทุกที่ และแทบจะเรียกได้ว่า ทรงเคยพบประชาชนเกือบทุกคนในประเทศนี้”
อย่างไรก็ดี ประวัติความเป็นมาของพระราชินียังไม่เป็นที่ทราบกันมากนัก เว้นแต่รายละเอียดทั่วๆ ไป เช่นว่า เธอเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลตัวยง และยังอยู่ในวัยสดสาว เธอถูกเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมในฐานะพระคู่หมั้น หลังจากนั้น เธอก็ได้ติดตามสมเด็จพระราชาธิบดีในการเสด็จฯเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ต่างๆ โดยล่าสุดคือ การเสด็จฯเยี่ยมผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวทางตะวันตกของประเทศ
ใบหน้างามแฉล้มของ เจ็ตซัน ปรากฏอยู่บนโปสเตอร์นับพันใบ รวมถึงของที่ระลึกอีกหลากชนิด เช่น จานที่ระลึก และเข็มกลัด ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อพระราชพิธีอภิเษกสมรสโดยเฉพาะ ขณะที่เธอสามารถเอาชนะใจชาวแดนมังกรสายฟ้าไปอย่างง่ายดาย ด้วยบุคลิกที่เคร่งขรึมและสงบเสงี่ยมเป็นนิจ
ซุง ชุก นักศึกษาวิชาธุรกิจวัย 23 ปี เผยว่า “ผมไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเธอมากนัก แต่เธอสวยมาก” พร้อมกับสำทับว่า “สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเลือกคนถูกแล้ว” ยิ่งไปกว่านั้น ชาวภูฏานจำนวนมากยังประทับใจในอิทธิพล ที่ เจ็ตซัน มีต่อกษัตริย์จิกมี ซึ่งทรงแสดงออกถึงความรักและความชื่นชมที่มีต่อพระคู่หมั้นอย่างเปิดเผย หรือแม้แต่จูงมือเธอระหว่างที่เสด็จฯไปทรงปฏิบัติภารกิจตามสถานที่ต่างๆ
“พระองค์ทรงรักเธอมาก” จูร์เม โชเดน นักเรียนหญิงวัย 16 ปี ให้สัมภาษณ์ระหว่างรอซ้อมการแสดง ซึ่งใช้ในพิธีเฉลิมฉลองอภิเษกสมรสวันที่ 15 ตุลาคม “ไม่ว่าจะเสด็จฯไปที่ไหน ก็จะทรงจูงมือพระคู่หมั้นตลอดเวลา ตอนนี้เด็กวัยรุ่นก็เริ่มทำตามกันแล้ว”
กษัตริย์จิกมี ทรงพบ พระราชินีเจ็ตซัน เป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ระหว่างเสด็จฯไปทรงพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์กับพระราชวงศ์ ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 17 พรรษา ส่วน เจ็ตซัน บุตรสาวของกัปตันสายการบิน ดรุก แอร์ ของภูฏานก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัย 7 ขวบเท่านั้น
เจ้าชายหนุ่มทรงคุกพระชงฆ์ลงกับพื้น และตรัสกับเด็กน้อยว่า “เมื่อเธอโตขึ้น หากฉันยังไม่แต่งงาน และเธอก็ยังไม่มีใคร ฉันจะแต่งงานกับเธอ หากว่าความรู้สึกของเรายังเหมือนเดิม”
เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาจากอินเดียและสหรัฐฯ สมเด็จพระราชาธิบดี หรือ เจ้าชายจิกมี ในขณะนั้น ก็ทรงเข้าศึกษาระดับปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งพระสหายของพระองค์ที่นั่นเล่าว่า ทรงเป็นนักศึกษาที่ตั้งใจเล่าเรียนอย่างยิ่ง
“ท่านไม่ค่อยชอบออกงานสังคมเท่าไหร่ แต่ก็ทรงมีพระสหายหลายคน” พระสหายคนหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุ “เมื่อก่อนทรงเป็นอย่างไร ตอนนี้เมื่อทรงเป็นกษัตริย์แล้วก็ยังทรงเป็นอย่างนั้น คือเป็นคนมีเหตุผลและเชื่อถือได้”
คินเลย์ เปม ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมลังเทนแซมปา ซึ่งเคยถวายพระอักษรแด่กษัตริย์จิกมี และสอน เจ็ตซัน เปมา ในต่างช่วงเวลากัน เล่าว่า เธอยังจำ พระราชินีพระองค์ใหม่แห่งภูฏานได้ดีว่าเป็นกัปตันทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียน และเคยคว้ารางวัลด้านการพูดในที่ประชุมชนมาแล้ว
“เธอไม่เคยมีท่าทีมักใหญ่ใฝ่สูง และฉันเชื่อว่า เธอไม่เคยคิดฝันด้วยซ้ำว่าจะได้เป็นพระราชินี” ผอ.โรงเรียน เผย
ปัจจุบัน พระราชินีเจ็ตซัน ทรงกำลังศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยรีเจนต์ในกรุงลอนดอน และมีความสนใจงานศิลปะต่างๆเป็นพิเศษ แต่บทบาทของพระองค์นับจากนี้คือการปฏิบัติภารกิจด้านการกุศล และถวายการอบรมแก่รัชทายาทแห่งบัลลังก์ภูฏานพระองค์ถัดไป ทันทีที่มีพระราชโอรส-ธิดา
และแน่นอนว่า หลังผ่านพ้นพระราชพิธีอภิเษกสมรส ประชาชนชาวภูฏาน รวมทั้งสังคมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนคนไทยที่มีความผูกพันกับกษัตริย์จิกมีคงจะเฝ้าติดตามพระราชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์อย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งติดตามข่าวดีของการก่อกำเนิดรัชทายาทแห่งดินแดนมังกรสายฟ้าอย่างมิวางตาเลยทีเดียว