เอเอฟพี - เหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันของบริษัท เชลล์ ในสิงคโปร์ อาจส่งผลให้ปริมาณแก๊สโซลีน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆไม่เพียงพอต่อความต้องการของภูมิภาคในระยะสั้น นักวิเคราะห์ระบุ วันนี้ (30)
บริษัทน้ำมันสัญชาติอังกฤษ-เนธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า เมื่อวันพุธ (28) ที่ผ่านมา เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมันบนเกาะ ปูเลา บูกอม ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งสิงคโปร์ประมาณ 5 กิโลเมตร ทำให้ต้องอพยพเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ติดภารกิจสำคัญออกจากโรงงานทั้งหมด
เจ้าหน้าที่โรงกลั่นและหน่วยป้องกันพลเรือนสิงคโปร์สามารถดับไฟลงได้ราวๆ ก่อนเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี (29) หรือหลังเกิดเหตุประมาณ 34 ชั่วโมง
โฆษกของ เชลล์ ยังไม่เผยรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะของโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าว แต่มีถ้อยแถลงวานนี้ (29) ว่า บริษัทได้ยุติการกลั่นน้ำมันทั้งหมดตั้งแต่ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว
อุบัติเหตุครั้งนี้มีพนักงานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 6 ราย และรถดับเพลิง 3 คันได้รับความเสียหายด้วย
นักวิเคราะห์ชี้ว่า เหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นของ เชลล์ ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมันราว 500,000 บาร์เรลต่อวัน ไม่รวมเชื้อเพลิง, สารหล่อลื่น และสารเคมีชนิดพิเศษอื่นๆ จะส่งผลกระทบระยะสั้นต่อปริมาณแก๊สโซลีนและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในภูมิภาค
“มันเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สุดของเชลล์ซึ่งผลิตปิโตรเลียมเพื่อการส่งออก โดยร้อยละ 90 ส่งไปขายประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิก” ชัยลาจา แนร์ บรรณาธิการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียของศูนย์ข้อมูลพลังงาน แพลตต์ส (Platts) ระบุ
แนร์ กล่าวด้วยว่า แก๊สโซลีนในตลาดเอเชียจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังนับว่าเกิดในเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเชลล์ เนื่องจากเอเชียกำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ความต้องการเชื้อเพลิงสูงที่สุด โทนี นูแนน ผู้จัดการด้านความเสี่ยงจาก มิตซูบิชิ คอร์ป ให้ความเห็น