เอเอฟพี - โดมินิก สเตราส์-คาห์น อดีตผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ หาทางยกฟ้องคดีล่วงละเมิดแม่บ้านโรงแรมในนิวยอร์กทางแพ่ง โดยอ้างความคุ้มกันไม่ให้ถูกฟ้องร้อง และว่าข้อกล่าวหาของแม่บ้านโรงแรมที่เป็นเท็จนั้นทำให้การทำหน้าที่แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของเขาต้องหยุดชะงัก
ทีมทนายความของเสตราส์-คาห์นได้ยื่นคำร้องต่อศาลเขตบรองซ์ ในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งระบุว่าในฐานะผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เขาจึงมีความคุ้มกันไม่ให้ถูกฟ้องร้องในคดีแพ่งโดยสมบูรณ์
คดีความทางอาญาของเขาได้รับการยกฟ้องในเดือนสิงหาคม เมื่ออัยการไม่เชื่อถือในตัวนาฟิสซาโต ดิอัลโล แม่บ้านโรงแรมผู้เป็นโจทก์ ทว่า เธอก็ได้ดำเนินการยื่นฟ้องร้องสเตราส์-คาห์นในคดีแพ่งอีกคดี
ก่อนหน้านี้ สเตราส์-คาห์นไม่ได้อ้างสิทธิคุ้มกันในคดีอาญา เนื่องจากเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวหานั้นเกิดขึ้นขณะที่เขาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวที่นิวยอร์ก ซึ่งทนายความของเขาเหตุผลดังกล่าวไม่น่าจะนำมาใช้กับคดีแพ่งได้
สำหรับคำร้องขอยกฟ้องคดีของอดีตตัวเก็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรายนี้ ชี้ว่า สเตราส์-คาห์นได้รับสิทธิคุ้มการดังกล่าวภายใต้กฏหมายสากลอย่างเต็มที่ ทั้งในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งบอสใหญ่ไอเอ็มเอฟ หรือแม้แต่หลังจากเขาลาออก และถูกควบคุมตัวอยู่ในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ คำร้องดังกล่าวยังโจมตีดิอัลโลว่าเป็นภัยต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่มีสเตราส์-คาห์นควบคุมอยู่ ณ ช่วงเวลาสำคัญหลังเผชิญวิกฤตการเงิน
“ผลกระทบโดยตรงจากข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศอันเป็นเท็จของโจทก์ ความสามารถในการทำหน้าที่สำคัญต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศโดยไอเอ็มเอฟก็บกพร่องลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาวิกฤต และความไม่แน่นอนทางการเงินทั่วโลก” คำร้องโดยทนายสเตราส์-คาห์นเสริม
ทั้งนี้ สเตราห์-คาห์นถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ เมื่อเขาถูกจับกุมในเดือนพฤษภาคม และถูกตั้งข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ และพยายามข่มขืนดิอัลโลในห้องสูทโรงแรมโซฟิเทลในแมนฮัตตัน
ทว่า ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจชาวฝรั่งเศสรายนี้เป็นอิสระในเดือนที่ผ่านมา เมื่อผู้พิพากษาศาลอาญายกฟ้องเขาทุกข้อกล่าวหา หลังจากอัยการยืนยันว่าไม่สามารถทำคดีนี้ต่อไปได้เนื่องจากคำให้การของโจทก์ที่เป็นเท็จหลายต่อหลายครั้ง
ด้านดิอัลโดล แม่บ้านชาวกินีอพยพ วัย 32 ปี ยืนกรานในข้อกล่าวหาของเธอ และยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อสเตราส์-คาห์น เพื่อเรียกค่าเสียหาย ซึ่งไม่มีการเปิดเผยตัวเลข สำหรับการทำร้ายร่างกายที่เธอเรียกว่า “พฤติกรรมซาดิสต์”
