เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญเตือน กาฐมาณฑุเป็นหนึ่งในเมืองเสี่ยงที่สุดในโลก ซึ่งต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่คาดว่า อาจคร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นราย และตัดขาดผู้รอดชีวิตจากความช่วยเหลือภายนอกประเทศ
เดฟ เพตลีย์ นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ อธิบายว่า แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ในเนปาล เป็นเหมือน “เสียงปลุก” สำหรับเมืองหลวง ที่แออัดด้วยประชากร 2 ล้านคน และเชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วยถนน 3 สาย กับอีก 1 รันเวย์ เท่านั้น
“พื้นที่สำคัญที่น่าเป็นห่วงอยู่ใจกลาง และทางตะวันตกของเนปาล ที่ซึ่งไม่มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน” เพตลีย์ กล่าว หลังแรงสั่นสะเทือนระดับ 6.9 สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนหลายร้อยหลังทางตะวันออกของประเทศเมื่อวันอาทิตย์ (18)
เขาชี้ว่า เนปาลอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวสูง เนื่องจากตั้งอยู่บนรอยปะทะของแผ่นเปลือกโลกอินเดีย และ ยูเรเชีย ซึ่งก่อให้เกิดเทือกเขาหิมาลัย โดยหุบเขากาฐมาณฑุมักเกิดธรณีพิโรธรุนแรงทุกๆ 75 ปี โดยเฉลี่ยจากช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา
เมื่อ 77 ปีก่อนเคยเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งทำลายบ้านเรือน 1 ใน 4 ของกรุงกาฐมาณฑุ และนักธรณีวิทยา ก็เชื่อว่า พื้นที่นี้ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแรงสั่นสะเทือนระดับ 8.0 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นดินไหวที่เฮติในปีที่แล้ว ซึ่งคร่าชีวิตชาวบ้านไปมากกว่า 225,000 คน ถึง 10 เท่า
เพตลีย์จากสถาบันด้านภัยอันตราย ความเสี่ยง และการฟื้นตัวแห่งมหาวิทยาลัยเดอแรมในอังกฤษ ยังชี้ว่า บ้านเรือนในตัวเมืองหลวงของเนปาล ซึ่งก่อสร้างจากดิน อิฐ และไม้นั้น ไม่มีความแข็งแรงพอจะรับมือกับแผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก
กลุ่มวิจัยจีโอฮาซาร์ด อินเตอร์เนชันนัล ในสหรัฐฯ วัดความเป็นไปได้ของยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.0 ขึ้นไป ที่จะถล่มหลายเมืองในเอเชีย และอเมริกา พบว่า กาฐมาณฑุอยู่อันดับสูงสุดจาก 21 เมือง ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 69,000 ราย นำอิสตันบูล และ นิวเดลี
ด้าน สมาคมเทคโนโลยีแผ่นดินไหวแห่งชาติ (เอ็นเอสอีที) ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.5 ที่คร่าผู้คนในเมืองทางตะวันออกของเนปาลไปกว่า 700 คน เมื่อปี 1988 ประเมินว่า หากเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.0 ถล่มกรุงกาฐมาณฑุ จะมีถึง 200,000 ชีวิตต้องตาย และอีก 200,000 รายบาดเจ็บสาหัส ประชาชนจะไร้ที่อยู่อาศัยถึง 1.5 ล้านคน และบ้านเรือนร่วม 60% พังพินาศ