เอเอฟพี - การสู้รบดุเดือดปะทุขึ้นในเมืองบานีวาลิด อีกครั้ง วันนี้ (19) ขณะที่นักรบของคณะผู้ปกครองลิเบียใหม่บุกโจมตีเมืองแห่งนี้ ซึ่ง ซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรหัวแข็งของมูอัมมาร์ กัดดาฟี กบดานอยู่ และมีความเป็นไปได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ที่กัดดาฟีอาจพำนักอยู่ภายในเมืองนี้เช่นกัน สภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ (เอ็นทีซี) เปิดเผย
“การปฏิวัติมาเยือนบานีวาลิด เมื่อเช้านี้ และเกิดการสู้รบหนัก” อับดุลเลาะห์ เคนชิล เจ้าหน้าที่อาวุโสในสภาเอ็นทีซี ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
เคนชิล เปิดเผยว่า การปะทะกับทหารรับจ้างของกัดดาฟีเพื่อยึดครองบานีวาลิด หนึ่งในฐานที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังกัดดาฟี เป็น “การตัดสินชี้ขาดและจะสิ้นสุดลงในอีก 2 วันข้างหน้า”
อย่างไรก็ตาม วันอาทิตย์ (18) ที่ผ่านมา กองกำลังเอ็นทีซีถูกตีโต้จนต้องถอยร่น หลังจากยกขบวนบุกเมืองบานีวาลิด คณะนักข่าวต่างประเทศได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น และเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะจากภายในเมือง ขณะเดียวกัน นักรบฝ่ายกัดดาฟีก็ยิงจรวดโจมตีฐานของฝ่ายเอ็นทีซีซึ่งตั้งอยู่นอกเมือง
“เราต้องล่าถอย เพราะระเบิดที่กองกำลังผู้ภักดีระดมยิงถล่มฐานของเรา” เคนชิลอธิบายสถานการณ์การสู้รบวานนี้ พร้อมทั้งเสริมว่ากำลังมีการเจรจา เพื่อการอพยพพลเรือนประมาณ 50,000 คน ออกจากเมืองบานีวาลิด
นอกจากนี้ อับดุลเลาะห์ เคนชิล เปิดเผยว่า มีคนเห็น ซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายที่มีบทบาทโดดเด่นที่สุดของ พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ในเมืองบานีวาลิด และมีความเป็นไปได้สูงที่ตัวกัดดาฟีเองก็อาจอยู่ในเมืองนี้เช่นกัน
“ซาอิฟ อัล-อิสลาม ถูกพบในบานีวาลิด เรื่องนี้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพ่อของเขา (มูอัมมาร์ กัดดาฟี) ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เรามั่นใจเรื่องนี้ 70 เปอร์เซ็นต์”
ทั้งนี้ มูอัมมาร์ กัดดาฟี, ซาอิฟ อัล-อิสลาม และอับดุลเลาะห์ อัล-เซนุสซี อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองลิเบีย ยังคงลอยนวล และเป็นที่ต้องการตัวจากศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งออกหมายจับบุคคลทั้งสามตามข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
อับดุลเลาะห์ เคนชิล กล่าวทิ้งท้ายว่า “กำลังรบหลักในบานีวาลิดไม่ใช่ทหารกองพลน้อยของกัดดาฟี ซึ่งหันมาเข้ากับกองกำลังเอ็นทีซีแล้ว” แต่เป็น “ทหารรับจ้างจากไนเจอร์, ชาด และโตโก เรารู้เรื่องนี้จากศพที่พบ”
