เอเอฟพี - รัฐบาลอิหร่านออกแถลงการณ์แสดงความยินดีต่อชาวลิเบีย หลังกลุ่มกบฏสามารถยึดกรุงตริโปลีได้สำเร็จ โดยกล่าวว่า การลุกฮือครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ “การรับฟังความปรารถนาอันชอบธรรมของประชาชน”
“สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านขอแสดงความยินดีกับพี่น้องมุสลิมในลิเบีย ซึ่งการยืนหยัดต่อสู้ของพวกท่านเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกระแสการปฏิวัติในภูมิภาค” แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านผ่านสำนักข่าว ไออาร์เอ็นเอ ระบุ
“การลุกฮือของประชาชนในลิเบีย แสดงให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการอันชอบธรรมของประชาชน และเคารพความคิดเห็นของพวกเขาด้วย”
“อย่างเช่นที่แล้วมา สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับแนวทางไปสู่เสรีภาพ, ความยุติธรรม และการพัฒนา... ให้แก่ลิเบียซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องของเรา”
ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านซึ่งเป็นประเทศมุสลิมชีอะห์กับรัฐบาลพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี เริ่มถดถอย นับตั้งแต่การหายตัวไปในลิเบียของ อิหม่าม มุสซา ซัดร์ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของมุสลิมชีอะห์ในเลบานอน เมื่อปี 1978
อิหม่าม ซัดร์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชาวชีอะห์ ซึ่งไม่ได้รับความใส่ใจจากรัฐบาลเลบานอนเท่าที่ควร ทว่าเขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างเดินทางเยือนลิเบีย
นับตั้งแต่ชาวลิเบียเริ่มประท้วงขับไล่ กัดดาฟี เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อิหร่านใช้นโยบายโจมตีทั้ง 2 ด้าน กล่าวคือ วิจารณ์รัฐบาล กัดดาฟี ที่ใช้ความรุนแรงกับฝ่ายกบฏ แต่ขณะเดียวกันก็ประณาม นาโต ที่นำทหารเข้าไปแทรกแซง
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้กล่าวหา นาโต ว่าต้องการ “ยึดทรัพยากรน้ำมันของลิเบีย” พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏด้วย
“พวกเขา (นาโต) อ้างว่า ต้องนำทหารเข้าไปในลิเบียเพื่อปกป้องพลเรือน พวกคุณไม่ได้อยากปกป้องประชาชนหรอก แต่จะมาเอาน้ำมันของลิเบียต่างหาก” คอเมเนอี ซึ่งเป็นผู้ถืออำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายในกิจการงานเมืองของอิหร่าน กล่าว
“สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านขอแสดงความยินดีกับพี่น้องมุสลิมในลิเบีย ซึ่งการยืนหยัดต่อสู้ของพวกท่านเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกระแสการปฏิวัติในภูมิภาค” แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านผ่านสำนักข่าว ไออาร์เอ็นเอ ระบุ
“การลุกฮือของประชาชนในลิเบีย แสดงให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการอันชอบธรรมของประชาชน และเคารพความคิดเห็นของพวกเขาด้วย”
“อย่างเช่นที่แล้วมา สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับแนวทางไปสู่เสรีภาพ, ความยุติธรรม และการพัฒนา... ให้แก่ลิเบียซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องของเรา”
ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านซึ่งเป็นประเทศมุสลิมชีอะห์กับรัฐบาลพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี เริ่มถดถอย นับตั้งแต่การหายตัวไปในลิเบียของ อิหม่าม มุสซา ซัดร์ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของมุสลิมชีอะห์ในเลบานอน เมื่อปี 1978
อิหม่าม ซัดร์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชาวชีอะห์ ซึ่งไม่ได้รับความใส่ใจจากรัฐบาลเลบานอนเท่าที่ควร ทว่าเขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างเดินทางเยือนลิเบีย
นับตั้งแต่ชาวลิเบียเริ่มประท้วงขับไล่ กัดดาฟี เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อิหร่านใช้นโยบายโจมตีทั้ง 2 ด้าน กล่าวคือ วิจารณ์รัฐบาล กัดดาฟี ที่ใช้ความรุนแรงกับฝ่ายกบฏ แต่ขณะเดียวกันก็ประณาม นาโต ที่นำทหารเข้าไปแทรกแซง
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้กล่าวหา นาโต ว่าต้องการ “ยึดทรัพยากรน้ำมันของลิเบีย” พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏด้วย
“พวกเขา (นาโต) อ้างว่า ต้องนำทหารเข้าไปในลิเบียเพื่อปกป้องพลเรือน พวกคุณไม่ได้อยากปกป้องประชาชนหรอก แต่จะมาเอาน้ำมันของลิเบียต่างหาก” คอเมเนอี ซึ่งเป็นผู้ถืออำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายในกิจการงานเมืองของอิหร่าน กล่าว
