xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ ยอมรับ “อัลกออิดะห์” ยังเป็นภัยก่อการร้ายอันดับ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพเหตุการณ์ขณะเครื่องบินของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส กำลังพุ่งเข้าชนอาคารใต้ของกลุ่มอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ซึ่งทำให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงภัยคุกคามจากการก่อการร้าย (แฟ้มภาพ)
เอเอฟพี - รัฐบาลสหรัฐฯแถลงวานนี้(18)ว่า กลุ่มอัลกออิดะห์ยังคงเป็น “ภัยก่อการร้ายที่หาตัวจับยาก” สำหรับสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้แนวร่วมอย่างกลุ่มติดอาวุธในอัฟกานิสถานและปากีสถาน

รายงานประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่า เครือข่ายอัลกออิดะห์บางกลุ่มเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เช่น อัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาระเบีย (AQAP) ในเยเมน และอัล-เชบับ ในโซมาเลีย

“อัลกออิดะห์ยังคงเป็นภัยก่อการร้ายอันดับ 1 สำหรับสหรัฐฯ ในปี 2010” รายงานการก่อการร้ายประจำปี 2010 ระบุ

“แม้ว่าแกนนำอัลกออิดะห์ในปากีสถานจะอ่อนแอลง แต่ยังสามารถสั่งการโจมตีทั้งในภูมิภาคและในต่างประเทศได้”

นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างอัลกออิดะห์กับกลุ่มติดอาวุธในอัฟกานิสถานและปากีสถาน “ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความน่ากลัวของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้”

“การแบ่งปันทรัพยากรระหว่างอัลกออิดะห์กับแนวร่วมในปากีสถาน เช่น เตห์ริก-เอ ตอลิบาน ปากีสถาน (ทีทีพี) และเครือข่ายฮักกอนี (Haqqani) หมายความว่าเอเชียใต้ยังคงเสี่ยงภัยก่อการร้ายสูง”

รายงานระบุว่า ทีทีพีเคยให้การสนับสนุนไฟซอล ชาห์ซาด บุคคลสัญชาติอเมริกันที่พยายามวางระเบิดคาร์บอมบ์ในนครนิวยอร์กเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

หลังจากปฏิบัติการวางระเบิดบนเครื่องบินสหรัฐฯ เมื่อช่วงคริสต์มาสปี 2009 ล้มเหลว อัลกออิดะห์ยังพยายามส่งระเบิดขึ้นไปซุกซ่อนในช่องเก็บสินค้าของเครื่องบินอีกหลายลำ เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว รายงานเผย

ด้าน กลุ่มอัล-เชบับในโซมาเลียก็ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งซ้อนที่กรุงกัมปาลาของยูกันดา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 76 ราย ซึ่งนับเป็นการโจมตีนอกประเทศครั้งสำคัญครั้งแรกของกลุ่มดังกล่าว

สถิติจากศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ในปีที่แล้วเกิดการโจมตีทั้งสิ้น 11,500 ครั้งใน 72 ประเทศทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 13,200 ราย

“แม้สถิติการก่อการร้ายจะเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า แต่ยอดผู้เสียชีวิตกลับลดลงต่อเนืองเป็นปีที่ 3 คือลดลง 12 เปอร์เซ็นต์จากปี 2009” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลง

“และนับเป็นปีที่ 2 แล้วที่เหตุโจมตีส่วนใหญ่เกิดในภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกใกล้ โดยคิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ของการก่อเหตุและการเสียชีวิตของทั่วโลกรวมกัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น