เอเอฟพี - เหตุระเบิดนองเลือดถล่มอาคารราชการกลางกรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์เมื่อวันศุกร์(22) ส่อเค้าเป็นการโจมตึก่อการร้ายครั้งแรกของประเทศ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 7 คน บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย แถมหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุโจมตีค่ายเยาวชนบนเกาะอูโทยา สังเวยอีกอย่างน้อย 10 ศพ ตำรวจคาดมีความเชื่อมโยงกัน
"เรายืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 7 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน" โฆษกตำรวจบอกกับผู้สื่อข่าวสั้นๆในกรุงออสโล หลังจากก่อนหน้านี้ออกมาระบุว่ามีพยานพบเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วยความเร็วสูง แต่ยังไม่อาจยืนยันว่าเหตุระเบิดดังกล่าวมีต้นตอมาจากคอร์บอมบ์หรือไม่
นอร์เวย์ ตกอยู่ในวงล้อมของความโกลาหลยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุมือปืนรายหนึ่งปลอมเป็นตำรวจเปิดฉากยิงเข้าสู่ที่ประชุมค่ายเยาวชนของพรรคเลเบอร์ พรรครัฐบาล บนเกาะอูโทยา ชานกรุงออสโล ซึ่งตำรวจยืนยันภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 10 คน
โฆษกตำรวจระบุ "ข้อมูลที่เราได้รับคือมีผู้เสียชีวิต 10 รายและบาดเจ็บ 7 คน" เขากล่าว "อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่ตัวเลขท้ายที่สุด แต่มันเป็นข้อมูลที่นิ่งที่สุดที่เรามีในตอนนี้"
"มือปืนปลอมเป็นตำรวจได้ลงมือสังหารผู้เข้าค่ายกลุ่มเยาวชน ใกล้กรุงออสโล" หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอ้างคำสัมภาษณ์ของผู้เข้าร่วมประชุม ขณะที่มีรายงานว่านายกรัฐมนตรี เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก มีกำหนดการเข้าร่วมด้วย
ต่อมาสื่อมวลชนนอร์เวย์รายงานเพิ่มเติมว่ามือปืนรายดังกล่าวถูกจับกุมตัวแล้ว และทางตำรวจก็เชื่อว่าเหตุระเบิดในกรุงออสโลและเหตุกราดยิงนี้มีความเชื่อมโยงกัน
ย้อนกลับไปที่เมืองหลวง สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของนอร์เวย์เผยแพร่ภาพสำนักนายกรัฐมนตรีและอาคารอื่นๆได้รับความเสียหายรุนแรงจากเหตุระเบิด ทางโดยเท้าถูกปกคลุมไปด้วยเศษกระจกกระจัดกระจายและกลุ่มควันลอยพวยพุ่งออกจากพื้นที่
ตำรวจปิดกั้นพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังและ Verdens Gang หนังสือพิมพ์แทบลอยด์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ พรัอมกันนั้นพวกเขาร้องขอให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย
พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงออสโลและปกติแล้วจะพลุกพล่านไปด้วยฝูงชน แต่เคราะห์ดีที่เหตุระเบิดเมื่อวันศุกร์(22) เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้คนในเมืองหลวงเดินทางออกไปพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ
สโตลเทนเบิร์ก นายกรัฐมนตรีของนอร์เวย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ก็ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตี แต่สำนักงานข่าวกรองตำรวจนอร์เวย์ระบุเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่ากลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรงคือภัยคุกคามใหญ่หลวงของประเทศ โดยในรายงานของสำนักข่าวกรองระบุว่าแม้มีประชาชนเล็กน้อยในนอร์เวย์ที่สนับสนุนกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง แต่ก็มีความเคลื่อนไหวภายในคนบางกลุ่มที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคง
นอร์เวย์หนึ่งในชาติสมาชิกของนาโตและส่งกำลังทหารเข้าประจำการในอัฟกานิสถาน 500 นาย แต่ประเทศแห่งนี้ก็ไม่เคยประสบเหตุโจมตีก่อการร้ายเลยสักครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว ตำรวจนอร์เวย์ได้จับกุมชาวมุสลิม 3 คน ฐานต้องสงสัยวางแผนโจมตีครั้งใหญ่ภายในประเทศ
ขณะเดียวกันในค่ำวันศุกร์(22) รัฐบาลชาติตะวันตกเรียงแถวกันออกมาประณามเหตุโจมตีสองระลอกในนอร์เวย์ ที่คร่าชีวิตผู้คนรวมกันอย่างน้อย 17 ราย ระบุเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและปราศจากความเมตตา
เฮอร์มัน ฟาน รอมปุย ประธานสหภาพยุโรป ตราหน้าเหตุโจมตีนองเลือดว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขาด ส่วน บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงแสดงความเสียใจและเรียกร้องชาติต่างๆทั่วโลกกระชับความร่วมมือในความพยายามต่อต้านก่อการร้าย
ด้านวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ก็แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีอันน่าขยะแขยง พร้อมขอประณามการโจมตีก่อการร้ายทุกรูปแบบ ขณะที่ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี บอกว่ามันเป็นการกระทำรุนแรงที่น่ารังเกียจและมิอาจยอมรับได้