เอเอฟพี - กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเกย์ในอินเดียต่างเดือดดาล หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาแถลงผ่านสื่อว่า ความนิยมในเพศเดียวกันเป็น “โรค” ชนิดหนึ่งที่ชาวต่างชาตินำมาเผยแพร่
ในการประชุมผู้นำเขตและเทศมณฑลว่าด้วยการป้องกันเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ วานนี้ (4) ฆุลาม นาบี อาซาด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย กล่าวว่า การรักร่วมเพศ “เป็นสิ่งผิดธรรมชาติ และไม่ส่งผลดีต่อประเทศอินเดีย”
“มันเป็นโรคชนิดหนึ่งที่แพร่ระบาดมาจากประเทศอื่น” อาซาด ระบุ
“แม้จะผิดธรรมชาติ แต่มันก็ยังอยู่ในประเทศของเรา และแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ตรวจพบได้ยาก”
นายกรัฐมนตรี มาน โมฮัน ซิงข์ และ โซเนีย คานธี ประธานพรรค เนชันแนล คองเกรส ก็เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย ทว่าทั้งสองออกจากห้องประชุมไปก่อนที่ อาซาด จะแสดงความเห็น
“ผมคิดว่าท่านรัฐมนตรีควรขอโทษเดี๋ยวนี้ เพราะท่านดูหมิ่นกลุ่มคนรักร่วมเพศทั้งหมด” โมห์นิช กาบีร์ มัลโฮตรา นักประชาสัมพันธ์และนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเกย์ ระบุ
“รักร่วมเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ และมีปรากฏในคัมภีร์ทางศาสนาด้วย ดังนั้น ที่ท่านบอกว่าคนเหล่านี้ผิดปกติ จึงไร้สาระมาก” มัลโฮตา ให้สัมภาษณ์
การแสดงความเห็นเช่นนี้ในที่ประชุมเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อส่งเสริมการป้องกันโรคเอดส์ในระดับรากหญ้า ยิ่งทำให้บรรดานักต่อสู้เพื่อสิทธิเกย์ไม่พอใจ โดย มาริโอ ดีเพ็นฮา นักประวัติศาสตร์จากกลุ่มปกป้องสิทธิเกย์ในเอเชียใต้ กล่าวว่า “การแสดงความลำเอียงและโฉดเขลาในเรื่องที่แสนธรรมดาในบริบทเช่นนั้น ถือว่าอันตรายมาก”
“ที่น่าขำก็คือ ท่านบอกว่าอินเดียจำเป็นต้องสอนเพศศึกษาให้มากขึ้น แต่คงมีชาวรักร่วมเพศจำนวนไม่น้อยที่อยากจะสั่งสอนท่านมากกว่า”
ด้าน เชฟาลี ชารัน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย ก็ออกมาโต้ตอบในวันนี้ (5) ว่า คำพูดของรัฐมนตรีถูกตัดมาเพียงบางส่วนโดยไม่คำนึงถึงบริบท ซึ่งความจริงแล้วสิ่งที่ อาซาด ระบุว่าเป็นความเจ็บป่วยคือ โรคเอดส์ ไม่ใช่การรักร่วมเพศ
ศาลสูงอินเดียมีคำตัดสินเมื่อปี 2009 ให้ยุติการกีดกันบุคคลรักร่วมเพศ โดยก่อนหน้านั้น การรักชอบเพศเดียวกันถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งห้าม “การร่วมประเวณีแบบผิดธรรมชาติ” และกำหนดโทษจำคุกถึง 10 ปี สำหรับผู้ฝ่าฝืน
เมื่อปี 2009 อาซาด เคยแนะนำให้รัฐบาลอินเดียควบคุมจำนวนประชากรโดยขยายระบบไฟฟ้าสู่พื้นที่ชนบทห่างไกล เนื่องจากคนจะหันมาดูโทรทัศน์กันมากขึ้น และสนใจการร่วมหลับนอนน้อยลง