เอเอฟพี - ฟิลลิป มอร์ริส บริษัทบุหรี่รายใหญ่ของโลก เตรียมฟ้องร้องกล่าวโทษรัฐบาลออสเตรเลีย กรณีกฎหมายบังคับใช้ซองบุหรี่แบบเรียบ (Plain packaging) หรือซองบุหรี่ที่ห้ามมีข้อความ สีสัน หรือรูปภาพดึงดูดใจสิงห์อมควัน คำแถลงเปิดเผยออกมาวันนี้ (27) พร้อมทั้งข่มขู่ทางการออสเตรเลียว่าค่าชดเชยความเสียหายทางธุรกิจอาจมีมูลค่าสูงหลายพันล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลออสเตรเลียเสนอกฎหมายคุมเข้มซองบุหรี่ด้วยวัตถุประสงค์ในการลดอัตราผู้สูบบุหรี่ โดยมีกำหนดการประกาศใช้ในปีหน้า โลโก้ทุกชนิดจะหายไปจากซองบุหรี่ที่วางจำหน่ายในแดนจิงโจ้ และเหลือเพียงชื่อผู้ผลิตที่ต้องมีขนาดตัวอักษรตรงตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ซองบุหรี่ทั้งหมดต้องใช้สีเขียวมะกอกเข้ม ซึ่งเชื่อกันว่าจะไม่ดึงดูดผู้สูบ พร้อมทั้งมีภาพคำเตือนถึงอันตรายต่อสุขภาพชัดเจน เช่น โรคเหงือกอักเสบ ตาบอด หรือภาพเด็กนอนซมอยู่ในโรงพยาบาล เป็นต้น
กฎหมายฉบับนี้ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้แก่บรรดาผู้ผลิตบุหรี่ยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งให้เหตุผลโต้แย้งไว้ว่าจะทำให้กำไรที่เคยได้รับหดหาย และอาจมีสินค้าปลอมไหลทะลักเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก เนื่องจากแพ็กเกจที่ไม่มีโลโก้ต่างๆ สามารถลอกเลียนแบบได้ง่ายกว่าเดิม
บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เอเชีย อ้างว่า กฎหมายซองบุหรี่ได้ละเมิดสนธิสัญญาทวิภาคีด้านการลงทุนระหว่างออสเตรเลียกับฮ่องกง ทั้งนี้ ฟิลลิป มอร์ริส เอเชียมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในฮ่องกง พร้อมกันนั้นยังเป็นผู้จำหน่ายบุหรี่ยี่ห้อต่างๆ ในออสเตรเลีย อาทิ มาร์ลโบโร
แอน เอดเวิร์ดส์ โฆษกฟิลิปมอริสเอเชียแถลงว่า “การบังคับให้นำเครื่อหมายการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาอันมีค่าออกจากซองบุหรี่เป็นการละเมิดสนธิสัญญาทวิภาคีด้านการลงทุนระหว่างออสเตรเลียกับฮ่องกงอย่างชัดแจ้ง”
“เราเชื่อว่าเรามีข้อต่อสู้ที่มีน้ำหนักมากพอ และจะเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายทางธุรกิจจำนวนมหาศาล”
หนังสือแจ้งเตือนที่รัฐบาลออสเตรเลียได้รับในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นการเจรจาที่มีกำหนดเวลา 3 เดือน หากไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส เอเชียจึงจะฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมาย
ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ผ่านกฎหมายบังคับซองบุหรี่เข้มงวด ส่วนนิวซีแลนด์ แคนาดา และอังกฤษได้พิจารณากฎหมายทำนองเดียวกันนี้แล้ว ด้านนายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด ย้ำว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะไม่ละล้าละลังกับการใช้มาตรการดังกล่าว โดยกล่าวไว้ว่า “เราจะไม่ก้าวถอยหลัง เราได้ตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง และจะดูไปจนตลอดรอดฝั่ง”
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเปิดเผยว่าทุกๆ ปีมีประชาชนประมาณ 15,000 รายเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บที่มีบุหรี่เป็นสาเหตุ โดยในแต่ละปีมีค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยจากบุหรี่ และประเทศต้องสูญเสียสามารถในการผลิตมูลค่ารวมกัน 31,500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1 ล้านล้านบาท)
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลออสเตรเลียเสนอกฎหมายคุมเข้มซองบุหรี่ด้วยวัตถุประสงค์ในการลดอัตราผู้สูบบุหรี่ โดยมีกำหนดการประกาศใช้ในปีหน้า โลโก้ทุกชนิดจะหายไปจากซองบุหรี่ที่วางจำหน่ายในแดนจิงโจ้ และเหลือเพียงชื่อผู้ผลิตที่ต้องมีขนาดตัวอักษรตรงตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ซองบุหรี่ทั้งหมดต้องใช้สีเขียวมะกอกเข้ม ซึ่งเชื่อกันว่าจะไม่ดึงดูดผู้สูบ พร้อมทั้งมีภาพคำเตือนถึงอันตรายต่อสุขภาพชัดเจน เช่น โรคเหงือกอักเสบ ตาบอด หรือภาพเด็กนอนซมอยู่ในโรงพยาบาล เป็นต้น
กฎหมายฉบับนี้ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้แก่บรรดาผู้ผลิตบุหรี่ยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งให้เหตุผลโต้แย้งไว้ว่าจะทำให้กำไรที่เคยได้รับหดหาย และอาจมีสินค้าปลอมไหลทะลักเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก เนื่องจากแพ็กเกจที่ไม่มีโลโก้ต่างๆ สามารถลอกเลียนแบบได้ง่ายกว่าเดิม
บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เอเชีย อ้างว่า กฎหมายซองบุหรี่ได้ละเมิดสนธิสัญญาทวิภาคีด้านการลงทุนระหว่างออสเตรเลียกับฮ่องกง ทั้งนี้ ฟิลลิป มอร์ริส เอเชียมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในฮ่องกง พร้อมกันนั้นยังเป็นผู้จำหน่ายบุหรี่ยี่ห้อต่างๆ ในออสเตรเลีย อาทิ มาร์ลโบโร
แอน เอดเวิร์ดส์ โฆษกฟิลิปมอริสเอเชียแถลงว่า “การบังคับให้นำเครื่อหมายการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาอันมีค่าออกจากซองบุหรี่เป็นการละเมิดสนธิสัญญาทวิภาคีด้านการลงทุนระหว่างออสเตรเลียกับฮ่องกงอย่างชัดแจ้ง”
“เราเชื่อว่าเรามีข้อต่อสู้ที่มีน้ำหนักมากพอ และจะเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายทางธุรกิจจำนวนมหาศาล”
หนังสือแจ้งเตือนที่รัฐบาลออสเตรเลียได้รับในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นการเจรจาที่มีกำหนดเวลา 3 เดือน หากไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส เอเชียจึงจะฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมาย
ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ผ่านกฎหมายบังคับซองบุหรี่เข้มงวด ส่วนนิวซีแลนด์ แคนาดา และอังกฤษได้พิจารณากฎหมายทำนองเดียวกันนี้แล้ว ด้านนายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด ย้ำว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะไม่ละล้าละลังกับการใช้มาตรการดังกล่าว โดยกล่าวไว้ว่า “เราจะไม่ก้าวถอยหลัง เราได้ตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง และจะดูไปจนตลอดรอดฝั่ง”
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเปิดเผยว่าทุกๆ ปีมีประชาชนประมาณ 15,000 รายเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บที่มีบุหรี่เป็นสาเหตุ โดยในแต่ละปีมีค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยจากบุหรี่ และประเทศต้องสูญเสียสามารถในการผลิตมูลค่ารวมกัน 31,500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1 ล้านล้านบาท)
ตัวอย่างซองบุหรี่ตามกฎหมายออสเตรเลีย